อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 8 วันที่ 5 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 8 วันที่ 5 พ.ค.61

กล้าหัวเราะลั่นอย่างสะใจบอกว่าม่วงกลับมาที่นี่จริงๆ ตะคอกถามอินว่ามันอยู่ที่ใดบอกมา อินยืนยันว่าตนไม่รู้ กล้าเห็นหีบใบใหญ่จึงสั่งลูกน้องค้น อินหน้าซีดเผือดเพราะม่วงซ่อนอยู่ในหีบ ม่วงเองก็เตรียมเปิดหีบออกมาสู้ แต่ขณะที่กล้าเงื้อดาบหมายแทงให้ม่วงตายคาหีบนั่นเอง ก็มีเสียงลูกน้องร้องบอกว่า

“เจอตัวแล้ว มันหนีไปทางด้านหลังเรือน รีบไปจับตัวมันเร็ว”

กล้าชะงัก รีบออกจากห้องไปท่ามกลางความงุนงงของอิน



“แมงเม่า...” ม่วงที่อยู่ในหีบรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พึมพำอย่างเป็นห่วง

ที่แท้แมงเม่าแต่งตัวเป็นชายหนีไปเบนความสนใจของพวกกล้า เมื่อถูกจับตัวได้ ขุนแผลงฤทธิ์จิกหัวแมงเม่าจนหน้าหงายตะคอกว่า

“พี่ชายเอ็งก็แค่เหยื่อล่อ ที่พวกข้าต้องการคือกลักที่เอ็งได้ไปจากออกญาสีหะราชเดชะต่างหาก เอาคืนมา” แมงเม่าถามว่ากลักอะไรตนไม่รู้เรื่อง ชื่นบอกแมงเม่าว่ามันอยากได้อะไรก็ให้ไปเถิด รักษาชีวิตไว้ก่อน ขุนแผลงฤทธิ์ยิ้มเหี้ยมขู่ทุกคน “พวกเอ็งช่วยนักโทษฆ่าคนตายให้หลบหนี โทษหนักหนานัก ถ้ายังขืนดื้อดึงข้าจะให้พวกเอ็งตายคาคุกทั้งโคตร”

แมงเม่าเห็นพ่อโอบไหล่ชื่นร้องไห้ก็เป็นห่วง มองอย่างสับสนว่าจะทำอย่างไรดี

อินพาม่วงมาจะลงเรือพาหนี แต่ม่วงไล่อินให้กลับเรือนเสียตนหนีคดีอาญามีแต่จะร้ายมากกว่าดีไม่อยากให้อินไปตกระกำลำบากด้วย

“อย่าว่าแต่ตกระกำลำบากเลย ต่อให้ไปตาย ฉันก็จะตายพร้อมพี่ อย่างมากเราก็ตายด้วยกัน แต่ฉันจะไม่ยอมให้พี่หนีไปคนเดียวเป็นอันขาด”

ม่วงซึ้งใจในความรักของอิน อินเร่งให้รีบลงเรือหนีไปกัน ม่วงจึงลงเรือและช่วยพากันหนีไป แต่พอหนีไปได้ระยะหนึ่ง ม่วงบอกว่าถึงป่าที่จะออกนอกเมืองได้ไม่ยาก ก็รีบขึ้นฝั่งแล้วผลักเรือออกไปกลางคลองไม่ให้อินตามไปด้วย บอกอินว่ากลับไปเถิดตนไม่ยอมให้อินไปเสี่ยงกับตนด้วย

“พี่ม่วง อย่าทิ้งฉันไป” อินร้องไห้โฮตะโกนเรียกม่วงก้องคลอง

ooooooo

ที่เรือนแมงเม่า...จมื่นศรีสรรักษ์มองกลักรูปผีเสื้อในมือพูดอย่างตื่นเต้นว่าในที่สุดเราก็ได้กลักคืนมาแล้ว ขุนแผลงฤทธิ์เร่งให้เปิดดู เจอกระดาษเล็กๆ ซ่อนอยู่ เมื่อคลี่ออกดูขุนแผลงฤทธิ์ร้องอย่างตื่นเต้นว่า

“กลบทพิสดารนัก ไม่ผิดแน่แล้ว” คิดถึงที่สุ่น บอกว่ากลักถูกทำลายไปแล้วก็คำรามว่าถ้าสุ่นไม่ตายเสียก่อนก็จะฆ่าทิ้งด้วยมือตัวเองแน่ ส่วนกล้าก็เร่งว่า

เมื่อได้ของแล้วก็ขอแมงเม่าเป็นบำเหน็จให้ตนเถิด ขุนแผลงฤทธิ์ไม่สนใจตะโกนสวนไปว่า “เผาเรือนให้วอด ให้สมกับโทษานุโทษที่มันช่วยคนหนีอาญาบ้านเมือง”

เมื่อไฟโหมไหม้เรือนทั้งหลังแล้วพวกขุนแผลงฤทธิ์และกล้าจึงถอยไป แมงเม่าตะโกนให้ช่วยกันดับไฟและขนทรัพย์สินออกมาเท่าที่จะทำได้

อินกลับมาเห็นเรือนถูกเผาวอดทั้งหลังวิ่งเข้าไปถามมิ่งกับชื่นว่าเกิดอะไรขึ้น มิ่งเป็นห่วงม่วงถามว่าอยู่ที่ไหน อินบอกว่าหนีไปแล้วและปลอดภัยดีพ่อไม่ต้องห่วง มองเรือนที่ถูกเผาถามว่าฝีมือพวกมันหรือ มิ่งพยักหน้ารับ แมงเม่าพูดหน้านิ่งอย่างมีสติว่า

“ฉันรู้ว่าทุกคนกำลังขวัญเสีย แต่เพลานี้เราต้องหาที่อยู่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยคิดแก้ไข” ติ่นร้องไห้ถามว่าจะไปอยู่ที่ใดเล่าแม่หญิง แล้วพวกมันจะตามไปอีกหรือไม่ “มีอยู่ที่หนึ่ง ที่พวกเราพอจะพึ่งใบบุญได้”

แมงเม่าบอกทุกคนอย่างมั่นใจ

ooooooo

เช้านี้แน่นบอกขันทองอย่างโล่งใจขณะเดินคุยกันว่าจัดการเรียบร้อยแล้วก็ดี ค่อยหายใจทั่วท้องหน่อย ขันทองบอกว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของตนทั้งหมดคิดแต่ว่าจะไม่ทำนอกรีตแต่ไม่คิดว่าเยื้อนจะเป็นได้ถึงเพียงนี้

ขณะนั้นเอง โขลนเข้ามาบอกว่าแมงเม่ามาขอพบ มาแต่เมื่อคืนแล้วแต่ผิดกฎของฝ่ายในพวกตนจึงจัดให้พักที่นอกประตูหลังวังก่อน

ขันทองตกใจเมื่อรู้ว่าแมงเม่ามาแต่เมื่อคืนแล้วเป็นห่วงว่ามีเรื่องอะไร เมื่อเปิดประตูหลังวังเห็นสภาพของแมงเม่าและคนในเรือนที่ทรุดโทรมมีข้าวของระเกะระกะก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แมงเม่าขอเล่าในภายหลังแต่เฉพาะหน้านี้ขอรบกวนคุณพระสองเรื่องคือ

เรื่องแรก รบกวนหาเรือนให้ครอบครัวตน ไม่ต้องใหญ่มากแต่ขอให้ทุกคนมีที่อยู่ที่กินก็พอ ส่วนเรื่องที่สองให้ช่วยกราบทูลกรมขุนวิมลท่านว่าตนอยากเรียกร้องความเป็นธรรม

พอกรมขุนวิมลทราบเรื่องก็โมโหมากเรียกพระยาพลเทพไปซักถาม บอกว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแปเหตุใดต้องถึงกับเผาเรือนกันด้วย พระยาพลเทพยอมรับว่าคนของตนผิดจริง แต่เพราะฝ่ายโน้นขัดขวางซ่อนตัวคนทำผิดจึงเกิดการต่อสู้กันขึ้นเป็นเหตุบานปลายจนไฟไหม้เรือน

“พูดเช่นนี้จะหาว่าฉันฟังความข้างเดียวกระนั้นรึท่านเจ้าคุณ” พระยาพลเทพบอกว่ากระหม่อมไม่กล้า

“เรือนเศรษฐีมิ่งมีแต่ผู้หญิงกับคนแก่แลบ่าวไพร่ผู้ชายไม่กี่คน จะหาญกล้าสู้กับคนของท่านเจ้าคุณเทียวหรือเจ้าคะ” คุณท้าวโสภาติง

พระยาพลเทพยิ้มขำๆประชดว่าฝ่ายในซักไซ้ไล่เลียงฝ่ายหน้าเช่นนี้ช่างเป็นบุญของตนนัก กรมขุนวิมลโมโหถามว่า ท่านเจ้าคุณหาว่าพวกตนก้าวก่ายหน้าที่รึ พระยาพลเทพพนมมือบอกว่าตนมิได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่รู้สึกแปลกพิกลจึงพูดไปเช่นนี้ เสด็จโปรดประทานอภัย

คุณท้าวโสภาถามว่าเรื่องนี้ท่านเจ้าคุณจะสะสางอย่างไร พระยาพลเทพบอกว่าจะตั้งคนสักสี่ซ้าห้าคนมาไต่สวนทวนความเรื่องนี้เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

“คนของท่านเจ้าคุณทำผิด ท่านเจ้าคุณก็แต่งตั้งพวกเดียวกันมาไต่สวน ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วเจ้าค่ะว่าผลจะออกมาอย่างไร” เป้าโกรธแทนแมงเม่าโพล่งอย่างอัดอั้น พระยาพลเทพยิ้มพูดเหมือนฟังเสียงนกเสียงกาว่า

“คนอื่นจะคิดเช่นไรฉันห้ามไม่ได้ แต่ความจริงก็ย่อมเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ”

ทุกคนในที่นั้นได้แต่มองพระยาพลเทพอย่างเจ็บใจที่พูดเข้าข้างลูกน้องอย่างเห็นได้ชัด

ขันทองหาเรือนให้แมงเม่าได้ตามที่ต้องการ ถามว่าแมงเม่าจะย้ายเข้าไปอยู่กับพ่อหรือจะอยู่ที่นี่ แมงเม่าบอกว่าพ่อเป็นห่วงตนเกรงจะเกิดเรื่องอีกจึงอยากให้ตนพึ่งใบบุญกรมขุนท่าน ขันทองพยักหน้า ชมว่าแมงเม่าเข้มแข็งมาก เป็นผู้อื่นเจอเหตุเช่นนี้คงกุมสติไว้ไม่ได้แล้ว

“ฉันน่ะหรือเจ้าคะเข้มแข็ง ไม่เลยเจ้าค่ะ ฉันขี้ขลาดแลกลัวจนจับใจ”

แมงเม่าน้ำตารื้นทันทีจนขันทองตกใจ แล้วความอดกลั้นทั้งหมดก็พังทลาย น้ำตาไหลพรูอย่าง ไม่อาจกลั้นไว้ได้ แมงเม่าเล่าทั้งน้ำตาว่า

“ที่ฉันต้องเสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งก็เพื่อไม่ให้ทุกคนขวัญเสียมากไปกว่านี้ ทั้งที่ใจจริงฉันกลัวจนอยากจะร้องไห้ เรือนที่ฉันอยู่มานับแต่ลืมตา ต้องมาวอดวายจมในกองเพลิงลงไปต่อหน้าต่อตา พี่ชายจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ จะมองไปทางใดก็มืดแปดด้านไปสิ้น รู้เพียงแต่ว่าเพื่อพ่อท่านและทุกคน ฉันอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด”

ขันทองสงสารแมงเม่าจับใจ โอบบ่าปลอบอย่างอ่อนโยน แมงเม่าในอ้อมกอดของขันทองยิ่งร้องไห้หนัก เมื่อพ้นวิกฤติมาได้ แมงเม่าก็ต้องการใครสักคนที่ตนสามารถกอดซบระบายความอัดอั้นได้เช่นนี้บ้าง...

ooooooo

บ่ายวันนี้หลวงศรีมะโนราชตกใจมากเมื่อรู้จากพระยาพลเทพว่าเยื้อนตายแล้ว มีคนยืนยันตรงกันว่า เยื้อนกินเหล้าจนเมาแล้วไปล้างหน้าที่ท่าน้ำ มีเสียงตกน้ำแล้วไม่มีใครเห็นอีกเลย

พระยาพลเทพถามหลวงศรีมะโนราชว่าจะให้ตนทำอย่างไร หลวงศรีมะโนราชติงว่ายังไม่มีใครเห็นศพ ตนคิดว่าเยื้อนอาจจะยังไม่ตายแต่ถูกจับตัวไปเพื่อปิดปากเท่านั้น

“อย่าฝันลมๆแล้งๆอีกเลยคุณหลวง พยานปากเอกของคุณหลวงมันเมาเหล้าจนตกน้ำตายเป็นแน่ ถึงฉันจะเป็นคนขี้ระแวงอย่างไร ฉันก็ไม่เชื่อเป็นอันขาดว่าจะมีใครกล้าลอบไปฆ่าหรือไปจับตัวคนถึงในเรือนดอก ส่วนเรื่องเล่นงานพระศรีขันทินฉันก็เสียดายแต่คงต้องหาหลักฐานอื่นแล้ว”

พอหลวงศรีมะโนราชเดินไปอย่างไม่พอใจ

ขุนแผลงฤทธิ์มองตามบอกพระยาพลเทพว่าคงเคืองเราที่ดูแลทาสนั่นไม่ดีกระมัง

“ช่างปะไร เพลานี้ฉันอยากเห็นกลักจนจะทนไม่ไหว แล้ว ความกังวลนานปีของฉันจะได้สิ้นสุดลงเสียที”

พระยาพลเทพยิ้มและถอนใจออกมาอย่างโล่งอก

ooooooo

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 8 วันที่ 5 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ