อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 11 วันที่ 19 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 11 วันที่ 19 พ.ค.61

หนึ่งเดือนผ่านไป...ทหารสองฝ่ายต่อสู้ตะลุมบอนกันอย่างดุเดือดไม่มีใครยอมใคร หลวงพิชัย พันหาญ และม่วงต่างสู้กับศัตรูอย่างไม่กลัวตาย แต่ทหารอังวะก็บุกทะลวงมาเหมือนจะไม่มีวันหมด

พระยาตากยืนอยู่บนกำแพงมีปืนใหญ่ตั้งอยู่บนเชิงเทินล้อมรอบ สายตาจับจ้องพวกอังวะตลอดเวลา

เนเมียวสีหบดีตะโกนสั่งทหารให้บุกกำแพงเมืองอโยธยา ฝ่ายพระยาตากวิเคราะห์ให้ทหารฟังว่า

“พวกอังวะใช้กลยุทธ์กระจายกำลังกันบุกเข้าตีแล้วยึดพื้นที่หน้ากำแพงเมืองเพื่อเอาปืนใหญ่มาตั้ง หวังยิงถล่มเข้ามาในอโยธยา จงอย่ายอมให้พวกมันทำได้สำเร็จเป็นอันขาด...ยิง!” พระยาตากตะโกนลั่น



เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นไปถึงตำหนักกรมขุนวิมลและเจ้าจอมเพ็ญ บรรดาข้าหลวงต่างตื่นตระหนก แมงเม่าสั่งเป้าให้ปิดประตูหน้าต่างเสียงเบาลงจะได้ไม่วุ่นวาย บอกพวกข้าหลวงว่า

“แม่ๆอย่าร้องอย่าวุ่นวายเลย หากฝ่ายในโกลาหลแล้วจะยิ่งแย่กันไปใหญ่”

ฝ่ายเจ้าจอมเพ็ญร้อนรุ่มอยู่ในตำหนัก พอจมื่นศรีสรรักษ์มาก็รีบถามว่าการศึกเป็นอย่างไรบ้าง จมื่นบอกว่าไม่ต้องกลัวอย่างไรพวกอังวะก็บุกเข้ามาไม่ได้ เจ้าจอมเพ็ญบ่นไม่พอใจว่า

“ยิงปืนสู้กันก็ไม่บอกเล่าเก้าสิบ น่าเอาไปตัดหัวนัก”

พระยาตากยืนอยู่บนกำแพงสั่งให้เอาลูกปืนใหญ่กับกระสุนดินปืนมาอีก อย่าให้พวกมันบุกเข้ามาได้เป็นอันขาด ไล่พวกอังวะกลับไปให้จงได้ ฝ่ายเนเมียวสีหบดีก็ตะโกนบอกให้ทหาร “บุกเข้าไป”

แต่แล้วก็มีขุนนางมาตำหนิพระยาตากว่ายิงปืนใหญ่ไม่บันยะบันยังเช่นนี้กระสุนหมดจะทำเช่นไร และบอกว่าวันนี้ฝ่ายในได้ร้องทุกข์มาว่าท่านเจ้าคุณยิงปืนใหญ่โดยไม่ให้ตั้งตัว พวกเราจึงเห็นว่าต้องมีการบอกกล่าวกันก่อน พระยาตากขอให้ทบทวนเพราะหากทำเช่นนั้นกว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ แต่ขุนนางยืนยันว่าท่านเจ้าคุณต้องทำตามคำสั่ง

หลวงพิชัยเจ็บใจนึกว่าหมดพระยาพลเทพกับพวกทุรยศแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น แต่แล้วก็ไม่ต่างจากเดิม

“ฉันเองก็คาดการณ์ผิดไป อโยธยาอ่อนแอกว่าที่เห็นมากนัก พระยาพลเทพก็เพียงแต่เร่งให้ตกต่ำเร็วขึ้นเท่านั้น ถึงจะกำจัดออกไปได้ก็คงไม่สามารถดึงอโยธยาให้กลับมารุ่งเรืองดังเดิมได้อีก” หลวงพิชัยถามว่าเช่นนี้แล้ว ทั้งหมดที่เราพยายามทำก็สูญเปล่าหรือ “ฉันไม่รู้ แต่ฉันจะสู้ ฉันจะไม่มีวันทิ้งอโยธยาไปเด็ดขาด”

ooooooo

กล้าไปสืบข่าวพระยาตากกลับมารายงานพระยาพลเทพที่เรือน พระยาพลเทพหัวเราะร่าว่าป่านนี้พระยาตากคงรู้แล้วกระมังว่าขุนน้ำขุนนางในอโยธยาเป็นอย่างไร

กล้าสอพลอว่า ตอนตนฟังข่าวนี้ก็สาแก่ใจแทนท่านเจ้าคุณเหลือเกิน อ้ายพระยาตากผู้นี้ให้การช่วยเหลืออ้ายม่วง ไม่น่าจะแค่ตำหนิแต่น่าจะโดนกุดหัวไปเลยจะเหมาะกว่า ขุนแผลงฤทธิ์ผสมโรงว่าถ้าทำได้จริงอโยธยาคงแตกก่อนถึงฤดูน้ำหลาก เสียดายที่ทำไม่ได้ เหลืออีกไม่กี่เดือนแล้วถ้าอังวะบุกเข้ามาไม่ได้คงต้องถอยกลับไปเพราะน้ำท่วมเหมือนทุกครา

แต่พระยาพลเทพเชื่อว่าอังวะพักทัพมาแรมปีเพื่อการศึกนี้ ตนมั่นใจว่าต้องเอาชำนะอโยธยาได้ก่อนน้ำหลากเป็นแน่ พระยาพลเทพหัวเราะร่าเพราะสิ่งที่ตนวางแผนมานานใกล้จะเป็นจริงแล้ว ทั้งกล้าและขุนแผลงฤทธิ์ต่างสอพลอแสดงความยินดีด้วย

ฝ่ายครอบครัวแมงเม่ากำลังระดมขนทรัพย์สมบัติลงเรือไปฝังไว้ในป่าช้าตามคำแนะนำของขันทอง เพราะเชื่อว่าไม่มีใครกล้าไปขโมยแน่ รอข้าศึกกลับไปค่อยขุดและขนกลับมาใหม่

ขันทองมารอแมงเม่าที่ริมคลอง พอเจอก็ถามว่าฝังข้าวของเสร็จแล้วหรือ แมงเม่าบอกว่าเสร็จบางส่วนถามว่าออกพระคิดว่าอโยธยาจะแพ้แก่ข้าศึกแน่หรือ ขันทองบอกว่าคิดทางร้ายไว้ก่อนจะได้ไม่ประมาท ถามแมงเม่าว่ารู้แล้วไม่ใช่รึว่าพระยาตากโดนติเตียนกระไรบ้างทั้งที่ทำเพื่อบ้านเมืองแท้ๆ

เห็นแมงเม่าหน้าเครียดขึ้นมาก็หยอกว่าอย่าทำหน้าเครียดเช่นนั้นเลยตนมีกระไรจะให้ดู พลางคลายมือออกให้ดูจำปีดอกใหญ่ที่กลางฝ่ามือ แมงเม่าหัวเราะคิกบอกว่าดอกจำปีเห็นออกดาษดื่น แปลกตรงไหนหรือ

“ดอกจำปีที่อยู่บนต้นแลในมาลัยนั้นไม่แปลกดอก แต่ดอกจำปีที่อยู่บนผมของเจ้า ฉันก็ว่าหาดูไม่ง่ายนัก จริงหรือไม่” ขันทองขยับเข้าใกล้เอาเส้นผมของแมงเม่าพันดอกจำปีไว้อย่างเบามือ

ใบหน้าที่ใกล้กันแค่ฝ่ามือกั้นจนลมหายใจถึงกัน ทำให้แมงเม่าเขินสะเทิ้นจนกำมือแน่น พอรู้ตัวก็รีบเดินเลี่ยงไป ขันทองมองตามอมยิ้มอย่างมีความสุขแล้วจึงเดินตามแมงเม่าไป

เดินเลี่ยงมาที่สวนในวังแล้วยังไม่หายเขิน แมงเม่ามองดอกจำปีในมือเคลิ้ม เตือนตัวเองว่าอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้เพราะออกพระไม่ใช่ชายแท้ จนเป้ามาทักว่า

เป็นอะไรพูดคนเดียว ถามว่าดอกจำปีนั่นเอามาจากที่ใดรึ แมงเม่าตั้งสติไม่ทันตอบไม่ถูก พอดีเสียงปืนใหญ่ดังลั่นรัวขึ้นพร้อมกับเสียงผู้คนโกลาหลแว่วมา

“พวกอังวะบุกอีกแล้วใจคอจะไม่พักสักวันเลยหรืออย่างไร” เป้าตกใจ แมงเม่าก็กังวลขึ้นทันที

อังวะตั้งทัพล้อมกรุงศรีอยุธยาและบีบล้อมใกล้เข้ามาเรื่อยๆดังคำบรรยายที่ว่า...

“กองทัพอังวะทั้งสองทัพทำงานสอดประสานกันประกอบกับการต้านทานของกรุงศรีอยุธยาทำได้ไม่ดีนัก ทำให้วงล้อมของอังวะกระชับเข้ามาเรื่อยๆ เป็นผลให้เสบียงอาหารในกรุงศรีอยุธยาเริ่มขาดแคลน แม้ชาวบ้านทั่วไปจะยังไม่มีผลกระทบมากนัก แต่กับคนยากจนหรือคนที่อพยพมาจากถิ่นอื่นนับเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน”

แต่ที่ตำหนักกรมขุนวิมล พวกข้าหลวงยังมีการซ้อมรำเตรียมฉลองวันมหาสงกรานต์กันอย่างรื่นรมย์ จนแมงเม่าทนไม่ได้ถามคุณท้าวที่คุมการซ้อมรำว่า

“คุณท้าวเจ้าคะ สงครามยามนี้ทุกข์หนักนักเราเป็นหญิงไปช่วยรบไม่ได้แต่ก็หาควรจัดงานรื่นเริง ขณะที่ภายนอกกำแพงเมืองกำลังเข่นฆ่ากันตายไม่ใช่หรือเจ้าคะ”

“รบทัพจับศึกเกี่ยวกระไรกับพวกเราด้วยยะ” คุณท้าวเสียงขุ่น “วันมหาสงกรานต์ปีใหม่ก็ต้องมีการรื่นเริงประกวดประชันกันเป็นธรรมดา หล่อนอย่าขวางไปเสียทุกเรื่องนักเลย แลฉันจะบอกให้เด็กอย่างเจ้ารู้ไว้เอาบุญ ถึงหน้าฝน น้ำก็จะท่วมจนพวกอังวะตั้งทัพไม่ได้ต้องยกทัพกลับไปเอง จะกลัวกระไรกับศึกเพียงเท่านี้”

คุณท้าวทิ้งค้อนใส่แมงเม่าแล้วเดินไปหาเป้าแมงเม่าน้ำตาคลอแค้นใจที่ไม่มีใครสนใจบ้านเมืองเลย

ooooooo

ทั้งหลวงพิชัยและพันหาญต่างเชื่อว่าถึงหน้าฝนน้ำหลากพวกอังวะก็จะต้องหนีกลับแล้ว แต่พระยาตากกลับไม่เคยคิดเลยว่าหน้าฝนคราวนี้จะหยุดอังวะได้ แต่ในฐานะแม่ทัพจะพูดให้ทหารเสียขวัญนั้นไม่ควร

เวลาเดียวกัน ในวังก็ยังมีการเตรียมจัดงานฉลองวันมหาสงกรานต์กันอย่างเต็มที่ เมื่อถึงวันงานทุกคนสวมชุดใหม่สวยสด ขนมข้าวต้มทำเสร็จใหม่ๆถูกยกมาเป็นของขวัญ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสกินทิ้งกินขว้างกัน

กรมขุนวิมลปรารภกับเจ้าจอมอำพันว่าเห็นอย่างนี้แล้วค่อยแช่มชื่นขึ้นมาหน่อย ฟังแต่เสียงปืนใหญ่ทุกวันจนตนจะเป็นบ้าแล้ว เจ้าจอมอำพันขอให้ทนอีกหน่อยข้าศึกใกล้ยกทัพกลับแล้ว ถึงตอนนั้นเราจะจัดงานให้ครึกครื้นกว่ามหาสงกรานต์ปีนี้อีก

แมงเม่าฟังแล้วเศร้าๆถามว่า “พวกอังวะเตรียมศึกมานับปีจะกลับง่ายๆอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”

กรมขุนวิมลกับเจ้าจอมอำพันมองแมงเม่างงๆที่พูดจาฟังดูประหลาด เจ้าจอมอำพันเปรยขำๆว่า ก็น้ำท่วมคนเราไม่ใช่ปลาจะอยู่กันอย่างไร กรมขุนวิมลหัวเราะเบาๆบอกแมงเม่าว่า

“เจ้าอย่ากังวลไปเลย บ้านเมืองเรามีเทวดาอารักษ์ มีพระเสื้อเมืองพระทรงเมืองคุ้มครอง ข้าศึกศัตรูทำกระไรไม่ได้ดอก ดูอย่างคราศึกพระเจ้าอลองพญาซี จู่ๆปืนใหญ่ระเบิดจนสิ้นพระชนม์ ไม่ใช่บุญของอโยธยาแล้วจะคือกระไร”

กรมขุนวิมลเดินคุยกับเจ้าจอมอำพันไปอย่างรื่นรมย์ใจ แมงเม่ามองตามหน้าเศร้า เพราะแม้แต่กรมขุนวิมลที่ตนนับถือที่สุดก็ไม่ต่างจากคนอื่น คิดแล้วได้แต่ถอนใจหนัก พึมพำกับตัวเองว่า

“หากเทวดาท่านมีฤทธิ์ถึงเพียงนั้นก็คงไม่ต้องมีดาบแล้วละเพคะ”

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 11 วันที่ 19 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ