อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 10 วันที่ 18 พ.ค.61

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 10 วันที่ 18 พ.ค.61

“ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานเราก็ทำได้แค่อดทน เพลานี้ความหวังทั้งหมดต้องฝากไว้ที่พ่อขันทองแล้ว หลักฐานการทุรยศของพระยาพลเทพเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยอโยธยาได้” พระยาตากสีหน้าหนักใจเป็นห่วงบ้านเมือง

ในที่สุด...กองทัพของมังมหานรธาสามารถเอาชนะทัพใหญ่กว่าหกหมื่นนายของกรุงศรีอยุธยาได้ก่อนจะเคลื่อนพลเข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา แต่เนื่องด้วยกองทัพทางเหนือของเนเมียวสีหบดีต้องต่อสู้ตลอดทาง  เป็นเหตุให้ยังมาไม่ถึง มังมหานรธาจึงตั้งทัพลงที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงศรีอยุธยาเพื่อรอทัพทางเหนือ ก่อนจะทำการล้อมกรุงศรีอยุธยาต่อไป

ooooooo

เพียงสามสี่วันผ่านไป พระยาพลเทพกับขุนแผลงฤทธิ์ก็กลับมาเดินคุยกันอย่างอารมณ์ดีที่ทหารหกหมื่นนายของอโยธยาพ่ายแก่อังวะที่มีกำลังน้อยกว่าถึงสองเท่า ก็ถูกพระยากำแหงนำกำลังทหารเข้าจับกุมทันที



พระยาพลเทพเอะอะว่านี่คิดจะทุรยศหรือ พระยากำแหงตอบยิ้มๆว่า

“คนที่ทุรยศคือท่านเจ้าคุณต่างหากขอรับ ทุรยศไปเข้าฝ่ายอังวะแต่ครั้งศึกพระเจ้าอลองพญา ลอบทำใบบอกส่งความลับของอโยธยาไปให้ จริงหรือไม่เล่าขอรับ”

เมื่อนำพระยาพลเทพกับขุนแผลงฤทธิ์ไปเข้าคุก ก็เจอกับขุนนางที่ถูกขังอยู่ก่อนแล้ว พระยาพลเทพถามว่านี่ถูกจับมาหมดเลยรึ ขุนนางคนหนึ่งพยักหน้าซีดเซียว อีกคนร้องไห้โฮบอกว่าเรื่องแต่ครั้งศึกพระเจ้าอลองพญาไม่ควรจะต้องถูกจับเลย

“เพราะนังลูกเศรษฐีโรงกระดาษแท้ๆเทียว หากรู้ว่าวันหนึ่งมันจะแก้กลบทในสาส์นลับได้ควรจะฆ่ามันทิ้งเสีย ไม่ควรต้องกลัวกรมขุนวิมลภักดีเลย” ขุนแผลงฤทธิ์แค้นมาก

“พวกเรายังไม่ได้ถูกจับทั้งหมดดอก  ยังมีอีกคนหนึ่งที่รอดไปได้ แลมันผู้นั้นต้องหาทางช่วยพวกเรา หาไม่แล้ว ข้าจะลากคอมันมาตายพร้อมกันให้จงได้” พระยาพลเทพขบกรามแน่นจิกตาเหี้ยม

เจ้าจอมเพ็ญร้อนรุ่มอยู่ในตำหนักเร่งให้เลื่อนไปดูว่าคุณพระนายมาแล้วหรือยัง เลื่อนกลัวถามว่าเรื่องพระยา พลเทพหม่อมแม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่  เจ้าจอมเพ็ญหันบีบคอเลื่อนจนหน้าเขียวถามว่าอยากรู้เรื่องมากนักรึ เรื่องบางอย่างอย่ารู้มาก เว้นแต่ว่า “อยากจะลงไปอยู่ในอ่างแก้วเหมือนนังคุณท้าวสาลิกาอีกคน”

เพียงเท่านี้เลื่อนก็ปิดปากสนิท พอจมื่นศรีสรรักษ์ มาถึง เจ้าจอมเพ็ญรีบเดินไปถามเป็นอย่างไรบ้าง

“อย่ากังวลเลยขอรับ รายชื่อตามสาส์นลับไม่มีชื่อคุณพี่อยู่ แลกลักลายผีเสื้อที่เป็นสัญลักษณ์ของคุณพี่กระผมก็เอามาด้วยแต่คราที่ได้สาส์นปลอมมา ฉะนั้นไม่มีกระไรสาวถึงตัวคุณพี่ได้ดอกขอรับ”

เจ้าจอมเพ็ญกังวลว่าออกญาพลเทพยังอยู่  อาจซัดทอดถึงตนเมื่อใดก็ได้ จมื่นศรีสรรักษ์บอกว่าไม่มีใครเข้าไปปิดปากออกญาพลเทพถึงในคุกได้ดอก เจ้าจอมเพ็ญ นิ่งไปแล้วถามว่าผู้ใดเป็นประธานในการตัดสินคดีนี้ พอจมื่นศรีสรรักษ์บอกว่าเป็นพระองค์เจ้าเชษฐ์ เจ้าจอมเพ็ญก็ยิ้มเจ้าเล่ห์มีความหวังขึ้นมาทันที

ooooooo

วันนี้แมงเม่าไปเจอขันทองที่ตลาด ขันทองถามว่าให้การเป็นอย่างไรบ้าง แมงเม่าบอกว่าแสดงวิธีถอดกลบทให้ลูกขุนดู เล่าตอนที่ได้กลักลายผีเสื้อมารวมถึงจมื่นศรีสรรักษ์มีส่วนในการตามล่าออกญาสีหราชเดชะและเผาเรือนตนด้วย กระหยิ่มยิ้มย่องเชื่อว่า...

“แม้จะไม่มีหลักฐานแต่ก็อาจจะสาวไปถึงตัวเจ้าจอมเพ็ญก็เป็นได้นะเจ้าคะ”

ขันทองถามว่าสิ้นศึกแล้วแมงเม่าจะอยู่เป็นข้าหลวงต่อหรือไม่ แมงเม่าตอบทันทีว่าไม่ต้องรอถึงสิ้นศึกดอก แค่ตัดสินลงโทษพวกออกญาพลเทพเท่านั้นตนก็ทูลลาเสด็จพระองค์หญิงแล้ว

“ถ้าเจ้าไปจริง ฉันคงคิด...”

ขันทองพูดไม่ทันจบเสียงม่วงก็เรียกแมงเม่าขึ้นอย่างตื่นเต้น สองพี่น้องโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ

เมื่อกลับไปเรือน มิ่งลูบหัวม่วงด้วยความดีใจ บอกให้ม่วงกลับมาอยู่กับพ่อเสีย ม่วงบอกว่ายังกลับไม่ได้ พระยาตากมีบุญคุณกับตนมาก ตนต้องอยู่รับใช้ท่านและจะได้บำเหน็จศึกมาไถ่โทษที่เกิดขึ้นด้วย บอกมิ่งว่าที่ลอบกลับมาได้ครานี้ก็เพราะมีศึกติดพัน หาไม่แล้วตนคงไม่กล้ากลับมาดอก

ชื่นชวนค้างที่เรือนสักคืน อินจึงรีบเข้าครัวไปทำสำรับกับข้าวให้ม่วงกิน

ขันทองรออยู่ที่หน้าเรือนบอกแมงเม่าว่าจะกลับเข้าวังเมื่อใดก็ไปตามตนได้ ม่วงเรียกไว้บอกว่าตนมีข่าวจากท่านเจ้าคุณมาแจ้งว่าหมดเรื่องกลุ่มคนทุรยศแล้ว ท่านเจ้าคุณอยากให้ออกพระไปอยู่กับท่านช่วยกันทำศึกจะได้มีบำเหน็จไว้ไถ่โทษเหมือนตน

ขันทองบอกว่าตนยังมีเรื่องที่ต้องสะสาง แค้นของพ่อคงสิ้นสุดด้วยโทษทัณฑ์ของออกญาพลเทพ แต่แค้นของแม่ยังต้องหาตัวคนที่ทำให้แม่ตายให้ได้ บอกม่วงว่า “ฉะนั้น ฉันคงต้องอยู่ในวังต่อ”

ม่วงเลียบเคียงถามว่า เยื้อนพูดปาวๆว่าขันทองมีใจให้แมงเม่า ขันทองเขินรีบแก้ว่านังนี่สักแต่ว่ามีปากไว้พูด ม่วงบ่นเสียดายเพราะตนชอบน้ำใจและปัญญาของเขา พูดอย่างตัดใจว่า

“แต่เมื่อพ่อขันทองไม่ชอบน้องสาวฉัน ก็คงต้องยอมให้กลับไปหาท่านเจ้าคุณกำแหงเสียแล้ว”

ขันทองพยายามจะอธิบาย ก็พอดีแมงเม่ามาถามว่า ได้ยินเอ่ยชื่อตนแว่วๆนินทาอะไรตนหรือ ทั้งม่วงและขันทองช่วยกันกลบเกลื่อน แมงเม่าระแวงมาก พึมพำ “คิดว่าจะปิดฉันได้ก็ให้มันรู้ไป”

ทั้งม่วงและอินต่างได้คุยและเข้าใจกันดีขึ้นกอปรกับม่วงได้เห็นน้ำใจของอินตอนที่พาตนหนี ทำให้ต่างเข้าใจกัน ม่วงบอกว่าหากอินยังกลัวเรื่องอิ่มเราก็อยู่กันอย่างนี้ ตนจะไม่โกรธเคืองอะไรอีก อินบอกม่วงว่าสุ่นยังไม่ตายแต่พ่อกับแม่รังเกียจสุ่นจึงไม่ยอมบอกเขา ม่วงดีใจมากแต่เก็บอาการไม่อยากให้อินสะเทือนใจ

คืนนี้ม่วงจึงไปซื้อสุ่นจากหมิ่นแต่พอพากลับบ้านก็ถูกมิ่งกับชื่นรังเกียจว่าเป็นหญิงโสเภณี ม่วงขอให้พ่อกับชื่นอดทนอีกนิด เสร็จศึกตนจะปลูกเรือนให้สุ่นอยู่ต่างหากเพื่อพ่อกับน้าชื่นจะได้ไม่ต้องหวานอมขมกลืนกัน

ooooooo

การตัดสินคดีพวกพระยาพลเทพกลับพลิกความคาดหมาย เมื่อเจ้าจอมเพ็ญเอาหญิงสาวสวยสองนางเป็นของกำนัลพระองค์เจ้าเชษฐ์ ทุกคนจึงได้รับการปล่อยตัวแต่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับหน้าที่การงาน

เมื่อพระยากำแหงทักท้วงอย่างไม่พอใจ พระองค์เจ้าเชษฐ์ก็อ้างว่าได้ตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อความเป็นธรรม ครั้นพระยากำแหงถามว่าสอบสวนนานเท่าใดก็ตอบอย่างขอไปทีว่าตอบไม่ได้ รีบร้อนเกินไปผิดพลาดขึ้นมาจะเป็นบาปกรรมติดตัว สืบสวนได้ความเมื่อใดก็เมื่อนั้น

แมงเม่าโกรธแค้นมาก ขันทองปลอบว่า

“เราทำสุดปัญญาแล้วเจ้า แต่ในเมื่อความเป็นธรรมมันซื้อได้ เราก็ต้องก้มหน้าฝืนใจรับไปเท่านั้น”

แมงเม่าปาดน้ำตาบอกขันทองว่าเวลานี้ตนไม่ได้ห่วงศึกอังวะเท่านั้นแต่ยังห่วงบ้านเมือง เพราะ...

“บ้านเมืองที่ปล้นความเป็นธรรมกันง่ายๆเช่นนี้ ก็ไม่เหลือสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวแล้ว เสียบ้านเสียเมืองยังกู้คืนได้นะเจ้าคะ แต่เสียความยุติธรรมยากนักที่จะกู้ศรัทธาคืนมาได้”

ขันทองหน้าขรึมอย่างเห็นด้วยกับแมงเม่า

ฝ่ายเจ้าจอมเพ็ญถึงกับให้จัดงานเลี้ยงรับขวัญพระยาพลเทพและขุนแผลงฤทธิ์ แต่ยังกังวลว่าเมื่อพระยาพลเทพสิ้นอำนาจแล้วเช่นนี้ แผนทุกอย่างที่เราวางไว้ก็สูญเปล่า แต่พระยาพลเทพกับขุนแผลงฤทธิ์เชื่อว่าอโยธยานั้นอ่อนแอมาก  อย่างไรก็ต้านอังวะไม่อยู่ ขอให้เจ้าจอมวางใจ เราเพียงรอเวลาเท่านั้น ตำแหน่งแม่หยั่วเมืองต้องเป็นของเจ้าจอมเป็นแน่

สถานการณ์ของอยุธยาเวลานั้นคือ...

“หลังจากที่กองทัพของมังมหานรธาเข้ามาประชิดกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จ กรุงศรีอยุธยาก็ได้ให้พระยากูระติและเจ้าพระยากลาโหม นำทัพบกทัพเรือขึ้นไปต่อสู้กับกองทัพทางเหนือของเนเมียวสีหบดี

ที่ปากน้ำประสบ แต่ก็พ่ายแพ้จนแม้แต่ตัวเจ้าพระยากลาโหมก็ถูกจับเป็นเชลย ทัพของเนเมียวสีหบดีจึงเข้าประชิดกรุงศรีอยุธยาได้อีกหนึ่งทัพ เป็นการเปิดฉากการล้อมกรุงศรีอย่างเต็มรูปแบบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2309”

ooooooo

อ่านละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 10 วันที่ 18 พ.ค.61

ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทประพันธ์โดย วรรณวรรธน์
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว บทโทรทัศน์โดย เอกลิขิต
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว กำกับการแสดงโดย กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ผลิตโดย บริษัท ทีวีซีน จำกัด
ละครเรื่อง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ