อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 7 วันที่ 3 มี.ค.61

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 7 วันที่ 3 มี.ค.61

เกศสุรางค์ดีใจพลั้งปากเรียกไอ้เรืองแต่ขุนเรืองไม่ทันได้ยิน กลับบอกว่าได้ยินนางเรียกตอนแข่งเรือ จึงชนะ หญิงสาวให้ความดีความชอบแก่พวกบ่าวด้วย ขุนศรีวิสารวาจามองอย่างเคืองๆ จงใจส่งเสียงดังว่าปั้นเสร็จแล้วพร้อมเอาธงปักบนยอดเจดีย์ที่ปั้น

เกศสุรางค์ไม่รู้อารมณ์ของท่านขุน ลุกขึ้นถอยหลังบอกขุนเรืองว่าต้องดูห่างๆถึงจะรู้ว่าที่ปั้นเป็นสถานที่ใด เผอิญจันทร์วาดเดินเข้ามาจึงถูกชนล้ม ขุนเรืองรับร่างเธอไว้ทัน ทั้งสองสบตากันอึ้งๆ จันทร์วาดเขินรีบผละออกอ้างจะไปตักทราย ขุนเรืองอาสาไปช่วย

ขุนศรีวิสารวาจาถือโอกาสชวนการะเกดไปเดินเที่ยวโดยไม่ให้ชวนใครแม้แต่ผินกับแย้ม ว่าแล้วก็จูงมือไป จันทร์วาดหันกลับมาเห็น สายตาเศร้าลง ขุนเรืองสงสารจึงบอกว่าจะช่วยปั้นต่อให้เสร็จเอง  จันทร์วาดยิ้มรับความหวังดี



ขุนศรีวิสารวาจาพาเกศสุรางค์เดินชมงานวัด โดยคอยกันไม่ให้โดนคนเบียดเวลาเดิน พาดูละครพร้อมกระซิบอธิบายว่า ละครนอก ผู้ชายเล่นทั้งหมด ถ้าละครใน ผู้หญิงเล่นทั้งหมด มีบางเรื่องที่ห้ามละครนอกเล่น อย่างรามเกียรติ์ อิเหนา อุณรุท ให้เฉพาะละครในเท่านั้น เรื่องที่ละครนอกเล่นได้พวกละครพื้นบ้านอย่างสังข์ทอง มโนห์รา คาวี...

ขณะนั่งเรือกลับ พระจันทร์กลมโตสวยงามจนเกศสุรางค์เกิดอารมณ์อยากร้องเพลงขึ้นมา “จันทร์กระจ่างฟ้า นภาประดับด้วยดาว โลกสวยราวเนรมิตประมวลเมืองแมน ลมโชยกลิ่นมาลากระจายดินแดน เรียมนี่แสน คะนึงถึงน้องนวลจันทร์...”

ขุนศรีวิสารวาจาจ้องมองพึมพำออกมาว่า “แม่การะเกด ออเจ้าเป็นใคร”

“วันหนึ่งนะคะ...วันหนึ่งคุณพี่จะรู้ค่ะ” เกศสุรางค์พึมพำสบตานิ่งนาน

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ตรงหน้าม่านอาคมวัดพุทไธศวรรย์ ขุนศรีวิสารวาจายืนบริกรรมคาถาเพื่อผ่านเข้าไป ชาวบ้านไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ และไม่อาจเห็นว่าภายในนั้นเป็นอะไร

ขุนศรีวิสารวาจาเดินผ่านลานซ้อมดาบซ้อมมวย ไปพบอาจารย์ชีปะขาว ท่านยิ้มด้วยรู้ว่าเขามาเพื่อประสงค์สิ่งใด ท่านขุนยอมรับ

“ขอรับ ข้ารู้ว่านางไม่ใช่แม่การะเกด ด้วยว่านิสัยสันดานของนางมิได้เหมือนแม่การะเกดเลย ที่สำคัญวันหนึ่ง...ข้าเห็นนาง...หน้าตาของนางละม้ายแม่การะเกด แต่ข้ารู้ว่านางมิใช่ นางงามกว่าด้วยหัวใจของนาง ด้วยกิริยาวาจาของนาง ด้วยความคิดของนาง ทุกอย่างผิดแผกแปลกเปลี่ยนจนนอกจากหน้าตาแล้วเป็นคนละคนขอรับ”

“เห็นนางแต่ไม่รู้ว่านางเป็นใครฤาเจ้า”

“ขอรับ ข้าเห็นนาง ข้ารู้ว่านางมิใช่การะเกด แต่ข้าไม่รู้ว่านางเป็นใครมาจากไหน เหตุใดนางถึงอยู่ในร่างของแม่การะเกดได้”

“เพราะบุญกรรมแต่ปางบรรพ์จึงทำให้แม่หญิงผู้แปลกประหลาดมาอยู่ในร่างของแม่การะเกดที่หมดบุญไปแล้ว”

“นางจักอยู่ในร่างนี้นานถึงแค่ไหนขอรับ”

“แล้วแต่บุญกรรมแลวาสนา ออเจ้าอย่าได้คิดสงสัยอะไรเลย นางไม่ใช่ภูตผีปีศาจ ไม่ใช่ยักษีแลนางแปลง นางเป็นคน” ท่านอาจารย์ย้ำ

ขุนศรีวิสารวาจาถามว่า ตนจักถามนางตรงๆ ได้หรือไม่ ท่านตอบยิ้มๆว่าแล้วแต่เขาจักใคร่ครวญ...

ขุนศรีวิสารวาจาเดินผ่านม่านอาคมกลับออกมาด้วยสีหน้าว้าวุ่นใจ

เย็นวันนั้นขุนศรีวิสารวาจากลับมาถึงเรือน แอบมองการะเกดเล่นกับเด็กอย่างสนุกสนาน ซักถามผินกับแย้มว่าเด็กเหล่านี้ลูกใคร สองบ่าวสาธยายว่า มีทั้งลูกบ่าวและลูกออกญาโหราธิบดีแต่ไม่ได้อยู่บนเรือน จะอยู่เรือนด้านหลัง เกศสุรางค์สงสัยว่าเด็กเหล่านี้ได้เรียนหนังสือกันไหม ผินตอบว่าเรียนที่วัดใหญ่ชัยมงคล แต่เด็กหญิงไม่ได้เรียน จะเรียนแต่งานเรือน

“อ้าว...แม่หญิงจันทร์วาดยังรู้หนังสือ” เกศสุรางค์แปลกใจ

“อ๋อ แม่หญิงเป็นลูกสาวขุนนางตำแหน่งใหญ่โต มีครูไปสอนถึงบ้านด้วยกระมัง”

เกศสุรางค์แย็บถามอีกว่าเด็กคนไหนเป็นลูกขุนศรีวิสารวาจาบ้าง ผินร้องลั่นว่าไม่มี ท่านขุนไม่เคยแลและเกลือกกลั้วพวกบ่าว หญิงสาวเบ้ปากบ่น

“แหม...ไม่แปลกหรอกขนาดกับข้ายังเก๊ก เอ๊ย หางตายังไม่แลเล้ย ฮึ ถือว่าหล่อเลือกได้” พลันต้องชะงักเมื่อเห็นขุนศรีวิสารวาจาก้าวออกมายืน เกศสุรางค์พึมพำได้ยินหรือไม่ ท่านขุนตอบออกมาว่าได้ยิน เธอหาว่าเขาแอบฟัง สองบ่าวปรามเบาๆ เธอสวนทันควัน

“เอ้า...อยากรู้นี่ว่ามายืนซุ่มแอบฟัง รู้ว่าตัวเองน่านินทาจะตาย”

“ข้ามิอาจต่อคำเพราะออเจ้าพูดไม่เป็นประสาอยุธยา”



เกศสุรางค์ได้ทีจะหนีขึ้นเรือน แต่ท่านขุนเข้าขวางหน้าและไล่ผินกับแย้มให้ขึ้นเรือนไปก่อน เธอยิ้มล้ออย่างรู้ทันว่าคงจะถามว่าตนเป็นใครอีก ท่านขุนว่า ไม่อยากรู้แล้ว เมื่อถึงเวลาคงรู้เอง หญิงสาวไหว้ขอบคุณที่ไม่บังคับ ท่านขุนไม่เข้าใจคำว่าขอบคุณ เพราะอยุธยาใช้คำว่าขอบใจ ถ้ากับผู้ใหญ่จะพนมมือแล้วพูดว่า ข้าไหว้... แต่ตนไม่ได้ทำอะไรไม่ต้องไหว้ตน เธอยิ้มเก้อขยับตัวจะเดินไป ท่านขุนเรียกไว้แล้วสบตากล่าวนัยน์ตายิ้ม

“หางตาข้ามิเคยแลใคร เพราะข้ามีไว้สำหรับคนผู้เดียว...ที่ข้ายังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร”

เกศสุรางค์อึ้งพึมพำ “อีกแล้วนะ อีตาขุนนี่ชอบพูดแบบเนี้ยเรื่อยเลย ไม่รู้เหรอว่าใจมันสั่น”

ooooooo

วันต่อมาที่โบสถ์เซนต์เปาโล มะลิ ฟานิกและเออร์ซูล่าผู้เป็นแม่มาสวดมนต์ สังฆราชปัลลูจึงถามเรื่องของหลวงสุรสาคร มะลิตอบความในใจ

“ข้าแสดงกิริยาให้ท่านออกหลวงรู้เป็นเบื้องต้นแล้ว ข้าหวังว่าท่านออกหลวงจะเข้าใจ”

“ออเจ้าไม่มีหัวใจให้เขาเลย...เช่นนั้นฤา” มะลิรับคำ “ออเจ้ารักผู้อื่นอยู่ฤา”

“เจ้าค่ะ แต่เขามิได้รักข้าตอบ” ดวงตามะลิเศร้าลง

สังฆราชปัลลูนึกถึงที่หลวงสุรสาครเคยบอกไว้ว่ามะลิมีคนรักในใจ แต่ตนรักนางจริงจนหมดใจ แม้ว่านางจะไม่รักตน ก็ขอสาบานว่าจะไม่รักใครนอกจากนาง... ท่านจึงกล่าวกับมะลิ

“ผู้ชายคนนี้หลวงสุรสาครรักเจ้าอย่างแท้จริง หาไม่แล้วเขาคงไม่เปลี่ยนมาเป็นคาทอลิกเหมือนอย่างเจ้าหรอก...เปลี่ยนศาสนาคือเปลี่ยนชีวิตนะแม่ เขายอมเปลี่ยนชีวิตเขาเพื่อเจ้า ชายที่เจ้ารักใคร่หามีใจให้เจ้าไม่ ตัวเจ้าจะยอมมีทุกข์ไปตลอดชีวิตฤา”...

มะลิกลับออกมาสีหน้าเศร้าครุ่นคิด พอสบตาแม่ก็โผกอดและบอกว่า ตนตัดสินใจแล้ว...

ไม่กี่วันผ่านไป ขุนศรีวิสารวาจามาขออนุญาตจำปาพาการะเกดไปงานแต่งงานเพื่อนของนาง จำปาปรายตามองทำนองมีเพื่อนกับเขาด้วยหรือ แล้วเตือนลูกชาย

“นางชอบหาเรื่องหาราวเข้าตัว ไปที่ใดๆก็ตามนางจักทำให้อับอายขายหน้า ยิ่งเป็นงานที่มีพิธีรีตอง นางจะไปทำให้งานเขาเสียหาย”

เกศสุรางค์รู้ชะตากรรมก้มหน้าจะกลับเข้าห้อง แต่แล้วจำปาอนุญาตออกมา เธอหมุนตัวขวับคลานเข่าเข้ามาหาด้วยความดีใจ จำปาย้ำให้ท่านขุนดูแลกันให้ดี ปริกหมั่นไส้เปรยว่าทำหน้าทะเล้นเกินแม่หญิงผู้ดี จำปาหันมาปราม

หลังจากนั้น ผินกับแย้มขัดสีฉวีวรรณให้อย่างหนักทุกวัน จนเกศสุรางค์ต้องบ่นว่าแค่ไปงานไม่ได้แต่งเอง...

พอถึงวันงาน ผินกับแย้มประโคมเครื่องประดับจนเต็มตัวเกศสุรางค์ เธอทำหน้าเหยหาว่าเหมือนลิเก จึงถอดทุกอย่างออกแล้วหยิบสังวาลพลอยแดงที่ขุนศรีวิสารวาจาซื้อให้มาใส่เพียงเส้นเดียว ผินกับแย้มแย้งว่าแค่นี้ไม่ได้ แต่เธอไม่ฟังเดินออกจากห้อง

พอจำปาเห็นก็เอ็ดผินกับแย้มทำไมปล่อยให้นายตัวเองตัวเปล่าเล่าเปลือย แล้วสั่งให้เกศสุรางค์ถอดสังวาลพลอยเม็ดเท่าขี้ตาแมวออก เธอไม่ยอมบอกว่าท่านขุนเป็นคนซื้อให้ จำปาชะงักงันหันมาสบตาลูกชาย พูดอะไรไม่ออกอีก ปริกเสนอให้ประโคมเครื่องประดับกลบสังวาล แต่เกศสุรางค์ก็ไม่ยอมอีก จะสวมแค่สังวาลของท่านขุนเพียงเส้นเดียว ท่านขุนแอบยิ้มปลื้มในใจ

ooooooo

แขกที่มาร่วมงานแต่งงานของมะลิกับหลวงสุรสาครที่โบสถ์เซนต์เปาโล มีทั้งเป็นคนแขก ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส โปรตุเกส และมิชชันนารีชายหญิง รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และคุณหญิงคุณนายของแต่ละท่าน ฟานิกกับเออร์ซูล่ายืนรับแขก

ขุนศรีวิสารวาจาเดินเคียงคู่กับการะเกดเข้ามา เจอขุนเรืองและหลวงศรียศ ทั้งสองแย่งกันชมการะเกดจนขุนศรีวิสารวาจาหน้าบึ้ง...ออกญาโกษาธิบดีนั่งเสลี่ยงแปดคนหาม พระวิสุทธสุนทรนั่งเสลี่ยงสี่คนหาม มีทนายหน้าหอถือหีบหมากทองเดินตาม แม่เลื่อนภรรยาพระวิสุทธสุนทรและขุนสุวรรณลูกชาย เดินร่วมกับคุณหญิงนิ่มและจันทร์วาด ผู้คนไหว้ทักทายอย่างเคารพ

อ่านละคร บุพเพสันนิวาส ตอนที่ 7 วันที่ 3 มี.ค.61

ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทประพันธ์โดย รอมแพง
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส บทโทรทัศน์โดย ศัลยา
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำกับการแสดงโดย ภวัต พนังคศิริ
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ผลิตโดย บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ออกอากาศเร็ว ๆ นี้ ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ