อ่านละคร เด็ดปีกนางฟ้า ตอนที่ 4 วันที่ 11 มี.ค.61

อ่านละคร เด็ดปีกนางฟ้า ตอนที่ 4 วันที่ 11 มี.ค.61

ฝ่ายนางเล่าเรื่องหนุ่มขายปาท่องโก๋สุดหล่อให้นักรบกับผักกาดฟังทั้งสองดี๊ด๊าอยากเจอ เช้านี้นางจึงพามาดักรอแต่คนที่มาขายกลายเป็นลุงแก่ๆคนเดียว พอเข้าไปถามลุงบอกว่าหนุ่มคนนั้นมาช่วยขายแค่วันเดียว ทำเอาสามสาวเฉาไปทันตา นางนึกได้บอกว่าตนมีเบอร์โทร.เขานะ ผักกาดกับนักรบยุให้โทร.เลย

พอนางหยิบโทรศัพท์ก็มีสัญญาณข้อความเข้า ต่างดีใจนึกว่าหนุ่มปาท่องโก๋โทร.มา แต่พอนางเปิดดูก็แทบช็อกเพราะเป็นภาพเลิฟซีนระหว่างพิมานกับไวน์ นางพึมพำสยอง

“นังไวน์มันทำขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย”



พิมานคิดไม่ตกว่าจะแก้ปัญหากับไวน์ยังไงดี จึงโทร.เรียกปฐพีไปที่ร้านเล่าให้ฟังตามที่ไวน์ปั้นเรื่องขึ้นมา ปฐพีถามว่าแล้วเรื่องน้องคนสวยล่ะ

พิมานได้แต่กลุ้มไม่รู้จะจัดการปัญหายังไง ปฐพีก็ได้แต่ส่ายหน้ากับความเป็นเพลย์บอยจนได้เรื่องของพิมาน

 ooooooo

ส่วนที่บ้านนาง...รัศมีเอาเครื่องเพชรทองไปขายเพื่อแก้ปัญหาประจำวันจนร่อยหรอ จึงมองหาของอื่นที่จะขายได้ นึกถึงกระเป๋าและรองเท้าแบรนด์เนมที่กองเต็มห้องของนาง

พอนางรู้ก็โวยเพราะเสียดายของ เมื่อรัศมีบอกถึงความจำเป็นก็ยอมให้ขายส่วนหนึ่งแต่เมื่อเห็นถึงความลำบากของครอบครัวและป้าชุนบอกว่าไว้มีเงินเราค่อยหาซื้อใหม่ ในที่สุดนางก็ยอมให้ขายทั้งหมดด้วยความเจ็บปวด ทำให้นางยิ่งบอกตัวเองว่า

“เราต้องหนีความจนนี้ให้ได้...เราต้องหลุดพ้นจากความจนนี้ให้ได้”

ในที่สุดพิมานตัดสินใจโทร.หานางนัดทานข้าวด้วยกันเย็นนี้ นางที่ยังร้องไห้เสียดายกระเป๋ากับรองเท้าบอกว่าตนไปไม่ได้ พิมานได้ยินเสียงร้องไห้ถามว่า

นางเป็นอะไร มีอะไรเล่าให้ตนฟังได้นะ

นางสัมผัสถึงความจริงใจของพิมาน จึงไปหาเขาตามนัดที่ร้านอาหาร

พิมานขอโทษเรื่องทั้งหมดที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี นางก็ขอโทษที่บ้านตน...เธอพูดไม่ทันจบพิมานก็บอกว่าเราไม่ต้องพูดถึงมันกัน แล้วเขาก็ขอชี้แจงเรื่องไวน์ว่าตนเห็นไวน์เป็นแค่น้องสาวและเคยนัดกันบ้างแต่ถ้าเธอไม่ชอบตนก็จะค่อยๆเคลียร์

ขณะนางกำลังดูว่าพิมานจะมาไม้ไหนอีกนั้น

เขาก็มอบสร้อยข้อมือราคาแพงเป็นของขวัญในวันดีๆนี้และขออนุญาตใส่ให้ นางขอบคุณและขอเซลฟี่ พิมานก็ขอเซลฟี่กล้องของตนด้วย

อึดใจเดียวรูปพิมานสวมสร้อยข้อมือให้นางอย่างหวานแหววก็ถูกส่งไปให้ไวน์ดู...

“อ๊าย....อีนี่ ฉันจะขยี้แกให้แหลกคามือเลย” ไวน์แผดเสียงลั่นห้อง

ooooooo

คืนนี้มีงานการกุศลไฮโซ  Charity For Change อลิสกับจีน่ามางานพลางมองหานางที่เคยชวนกันไว้ เมื่อไม่เห็นก็โทร.หานางที่กำลังอยู่กับพิมานที่ร้านอาหารของเขา

พอพิมานรู้ก็ลุ้นให้ไปเจอเพื่อนบ้างเพื่อความรู้สึกจะได้ดีขึ้นและอาสาจะไปเป็นเพื่อน แต่พอไปถึงบรรดาป้าๆก็ถามถึงสร้อยศรีว่าทำไมไม่มาด้วย พิมานใจหายกลัวแม่รู้จึงทำทีขอตัวไปหาเพื่อน พอดีนางเจออลิสกับจีน่าถามว่านางมากับใครกับผู้ชายใช่ไหม ให้บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่าเป็นหนุ่มที่ไหน

พิมานแยกจากนางแล้วก็ได้รับโทรศัพท์จากไวน์ถามว่าเขาอยู่ที่ไหนพอรู้ว่าไปงานการกุศลถามว่าไปกับใคร  เขาบอกว่ามาคนเดียวแต่อีกสักพักก็จะกลับแล้ว ไวน์บอกให้รอเดี๋ยวตนจะมาหา พิมานรีบบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายเลยออกมาแล้ว พอไวน์มาถึงจึงชวนกันกลับ เดี๋ยวตนจะไปส่งพรุ่งนี้เขาค่อยมาเอารถกลับ

พิมานไลน์บอกนางว่าท้องเดินต้องขอกลับก่อน พออลิสกับจีน่ารู้ว่าผู้ชายที่มากับนางคือพิมานก็เล่าว่า เขาเม้าท์กันว่าบ้านนั้นก็เหมือนบ้านเธอที่เสียหุ้นไปเป็นล้านๆ

อลิสกับจีน่าจะชวนนางไปต่อกัน นางอ้างว่าพรุ่งนี้มีธุระแต่เช้า อลิสถามว่าพิมานกลับไปแล้วนางจะกลับยังไง นางตัดบทว่าเดี๋ยวเรียกคนขับรถมารับ

พอดีปฐพีโทร.หานาง พอนางรับสายก็ดีใจบอกให้มารับด้วย อลิสกับจีน่าตามมายืนส่งพอเห็นคนขับรถของนางก็เพ้อว่าหล่อจัง อลิสกับจีน่าคุยกันว่าเรื่อง

ที่เม้าท์กันว่าบ้านนางกำลังจะล้มละลายคงไม่จริง รถที่มารับก็หรูคนขับก็หล่อมาก

ไวน์พาพิมานไปส่งที่ร้านอาหารของเขาชวนดื่มจนเมาแล้วใช้โทรศัพท์เครื่องอื่นโทร.หานางจึงไม่โชว์เบอร์และไม่พูดแต่ปล่อยเสียงพลอดรักระหว่างตนกับพิมานให้ฟัง ยั่วจนนางพึมพำ “ฉันต้องเอาคืนมันให้ได้!”

ปฐพีฟังปัญหาระหว่างไวน์กับนางแล้วถามว่า

“สรุปคุณสองคนก็แค่อยากเอาชนะกัน” ถามว่าแล้วคิดถึงความรู้สึกของผู้ชายบ้างไหม นางบอกว่ามันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีระหว่างไวน์กับตน

“นาง...ผมว่าคุณไม่ควรทำแบบนี้นะ คนทุกคนมีชีวิตจิตใจ ลองคิดถึงตัวคุณเองถ้าคุณต้องเป็นแค่เดิมพันเกมของใคร คุณจะรู้สึกยังไง แล้วถ้าคุณไม่ได้ชอบเขาจริงคุณก็ไม่น่าไปหลอกเขา” นางบอกว่าตนไม่ได้หลอก “หรือคุณคิดจะคบเขาเพียงเพราะหวังเงินหวังผลประโยชน์ให้ที่บ้าน”

คำถามที่แทงใจดำทำให้นางหน้าเสีย ยอมรับว่าเขาพูดถูก แล้วก็ประณามตัวเองว่าเป็นผู้หญิงหลอกลวงเอาตัวเข้าแลกเพื่อเงิน ขอบคุณที่ลดตัวลงมาคบผู้หญิงต่ำๆอย่างตน บอกว่าตนจะกลับแท็กซี่เองแล้วลงจากรถไปเลย รวดเร็วจนปฐพีทำอะไรไม่ถูก

ooooooo

วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกเรือใหม่จะได้ปฏิบัติงานบนเครื่องแล้ว นางกับผักกาดแต่งตัวเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนนักรบก็มาในมาดแมน ขรึม ลากกระเป๋าเข้ามาอย่างเท่ ทั้งประกาศว่าวันนี้ให้เรียกตนว่า นักรบ เท่านั้น

เมื่อเข้ามาในตัวตึกทั้งสามก็ชะงักเมื่อเห็นไวน์นั่งชิลๆเปิดนิตยสารอ่านอยู่แถวนั้น ไวน์หันมาสบตานางอย่างเย็นชา มองกราดเรียงตัวแล้วสะบัดหน้ากลับไป

“เซ็งว่ะอากาศหมองเลยเนี่ย” ผักกาดกระซิบ นางเตือนว่าอย่าไปอินกับมัน ขำๆก็แล้วกัน

ชะเอมมาทีหลัง ไวน์แว้ดเบาๆว่าทำไมเพิ่งมาตนมารอนานแล้ว ชะเอมขอโทษที่เมื่อเช้าวาดคิ้วเบี้ยวไปหน่อย ให้ไวน์ดูถามว่าแบบนี้โอเคหรือยัง ไวน์บอกว่าเดี๋ยวแก้ไขให้เร่งให้เข้าห้องบรีฟฟิ่งดีกว่าแถวนี้อากาศมันอุดอู้

สองฝ่ายต่างกระแนะกระแหนกันแต่ไม่รุนแรงเหมือนทุกครั้ง พอไวน์กับชะเอมเข้าไปในห้องบรีฟฟิ่งครู่เดียวสายฟ้าก็ตามเข้าไปทักและคุยกับไวน์เหมือนไม่มีชะเอมอยู่ด้วย ไวน์ถามว่าเราบินไฟลท์เดียวกันใช่ไหม

“ถูกต้องครับ วันนี้เพอร์เซอร์สายฟ้าขออาสาประเดิมเป็นไฟลท์ใกล้ๆแบบ Turnaround ก่อนนะครับ

ไปกลับแป๊บเดียว เดี๋ยวเย็นๆน้องไวน์ก็ถึงบ้านแล้ว” ไวน์ฝากเนื้อฝากตัวว่ามีอะไรก็ให้ช่วยด้วย “ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ น้องไวน์เรียกพี่ว่าพี่ฟ้าก็ได้นะครับ”

ทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอ ชะเอมได้แต่มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที

ooooooo

ในห้องบรีฟฟิ่ง 2 ที่นาง ผักกาด และนักรบอยู่ ทุกคนก้มหน้าอ่านสมุดโน้ตของตัวเอง พอพจน์ลูกเรือรุ่นพี่เดินเข้ามาทุกคนก็ขยับตัวสวัสดี

พจน์ เพอร์เซอร์หนุ่มหล่อมาดดี ก้มดูเอกสารในมือแล้วเงยขึ้นพูดแนะนำตัวเอง แล้วให้ทุกคนตรวจสอบรายละเอียดพาสปอร์ตกันก่อน นางกับผักกาดส่งพาสปอร์ตให้พจน์ปกติ แต่นักรบที่ตะลึงความหล่อของพจน์ ส่ง

พาสปอร์ตให้หัวใจเต้นโครมคราม

นักรบเคลิ้มความหล่อขาวล่ำของพจน์ แต่นางบอกว่าตนไม่ค่อยมั่นนะ ผักกาดก็บอกว่าเข็มวัดระดับดีกรีความเป็นแหววของตนมันกระดิกดิ๊กๆ นักรบเลยเสนอให้นางใช้ความสาวความสวยของเธอทดสอบอีกที

“เดี๋ยวพวกเราต้องเตรียมตัวรับบอร์ดดิ้งผู้โดยสารแล้วนะครับ” เสียงพจน์บอกทุกคนจากข้างหลัง และบอกว่า “น้องๆไว้ค่อยคุยกันต่อทีหลังแล้วกันนะ”

ทุกคนรับคำแหยๆ คิดว่าพจน์คงได้ยินที่พวกตนเม้าท์กันแต่ก็เตือนอย่างสุภาพ

เมื่อได้เวลาปฏิบัติงานจริง ทุกคนพยายามปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด เจอมนุษย์ป้าที่ดื้อและรั้นไม่ยอมทำตามระเบียบบนเครื่องจนนางก็ปวดหัว ส่วนนักรบก็ทักทายภาษาอังกฤษกับลุงหน้าดุ พอลุงบอกว่าตนเป็นคนไทย นักรบก็ยิ้มเก้อบอกว่าขอดูบัตรโดยสายหน่อย

นางพยายามไปสงบสติอารมณ์ที่ด้านหลัง นักรบถามว่าเป็นอะไร

“ก็เจอยัยป้าจอมวีนอยู่คนนึงกระป๋งกระเป๋า

ไม่ยอมเก็บ ฉันพูดด้วยดีๆก็ตวาดแว้ดใส่ นี่ฉันก็กำลังนึกอยู่ว่าจะทำยังไงกับนางดี แล้วแกล่ะ แว่บมาตรงนี้ทำไม”

“ฉันก็เจอกระทิงดุน่ะซิ ตัวมะเมื่อมเลย ดูจิตๆ หลอนๆ จ้องฉันตาถลนเลยอ้ะ”

ปรับทุกข์แล้วต่างถอนใจดังอย่างอึดอัด

“เธอสองคนจะพูดถึงผู้โดยสารแบบนี้ไม่ได้นะ” เสียงพจน์ขรึม ทั้งสองหันมองเห็นพจน์เดินหน้าเคร่งเข้ามา อบรมต่อ “ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังและไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เรามีหน้าที่ที่จะต้องให้เกียรติแก่ผู้โดยสารทุกคน” แล้วสั่งนางให้ไปดูแลคุณป้า

ท่านนั้นต่อ พอนางขยับจะไป พจน์ก็เรียกไว้ “เดี๋ยวก่อนนาง คนเราทุกคนก็มีเหตุผลส่วนตัวที่จะโกรธหรือไม่พอใจอะไร ใจเย็นๆ พยายามทำความเข้าใจความต้องการของเขาก่อนแล้วเราถึงค่อยประนีประนอมหาทางออกของปัญหา”

นางฟังอย่างตั้งใจ พยายามเรียกสติและความมั่นใจของตนกลับมา

ooooooo

หลังจากได้ฟังคำแนะนำจากพจน์ นางไปหาป้าคนนั้นอีกที ปรับเปลี่ยนท่าทีเป็นฟังและรับรู้ความเป็นจริงของป้าว่าทำไมจึงไม่ยอมเอากระเป๋าไปไว้ที่ช่องเก็บสัมภาระ จึงรู้ว่าในนั้นมีอัฐิของคุณสมหวังสามีที่เพิ่งจากไปที่ป้าพามาเที่ยวด้วยกัน

เมื่อรับรู้ความรู้สึกของป้าแล้วนางก็เข้าใจและจัดที่ที่เหมาะสมให้ และเมื่อถึงที่หมายยังอวยพรให้ป้ากับคุณสมหวังมีความสุขในการท่องเที่ยวด้วย ยังความปลื้มปีติแก่ป้าจนน้ำตาซึม

นางยิ้มอย่างมีความสุขเริ่มเข้าใจความหมายของคำว่า “การใช้หัวใจบริการ” ผู้โดยสารแล้ว

สายฟ้าก็เกาะติดไวน์ เมื่อไวน์เดินแจกหูฟังเสร็จก็ถามว่าเหนื่อยหรือยัง ถ้าน้องไวน์มีปัญหาอะไรไม่เข้าใจถามพี่ฟ้าได้เลย ไวน์ขอบคุณชมว่าพี่ฟ้าน่ารักที่สุดเลย พอดีชะเอมกลับมา สายฟ้าถามว่าแจกหูฟังเสร็จแล้วหรือยัง พอรู้ว่าเสร็จแล้วก็ขอตัวไปดูเฟิร์สคลาสก่อน

พอสายฟ้าไปชะเอมก็บอกไวน์ว่า หน้าคุ้นๆ เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนแต่นึกไม่ออก

“นึกไม่ออกก็ไม่ต้องไปนึกหรอกชะเอมเสียเวลา” ไวน์ตัดบทกลัวชะเอมจะจำได้ แต่ชะเอมก็ยังสงสัย

วันนี้นักรบทำงานอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่ได้ใกล้ชิดกับพจน์เพอร์เซอร์หล่อมาดดี แม้แต่ผักกาดก็ยังบอกว่า เขายิ้มทีทำเอาตนเข่าอ่อนเลย

แล้วนักรบก็ผิดสังเกตชายหน้าดุคนหนึ่งที่เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าและทำมือยุกยิกๆ พอนักรบเดินผ่านมาก็หยุด พอเขาผ่านไปก็ยุกยิกๆต่อ นักรบจึงให้ผักกาดช่วยสังเกตด้วย ทั้งสองติดตามอย่างตึงเครียด จนพจน์ถามว่าสองคนเป็นอะไร

สองคนเล่าอย่างตึงเครียดว่ากลัวชายคนนั้นจะซุกซ่อนระเบิดไว้ ชายคนนั้นลุกไปเข้าห้องน้ำนานผิดสังเกต พจน์จึงไปเคาะประตูบอกว่ามีคนอื่นรออยู่เยอะ ซักถามจึงรู้ว่าเขาเข้าไปถักไหมพรมเสื้อสีชมพูให้บีบี้ลูกหมา

ชิวาวา แต่อายจึงแอบถัก พอนักรบกับผักกาดได้ฟังก็หลุดขำออกมาที่ชายหน้าดุอย่างนี้จะทำอะไรแบบนั้น

พจน์จึงจัดที่ว่างด้านหลังให้ลุงไปนั่งถักอย่างเป็นส่วนตัว ลุงยิ้มขอบคุณที่ได้ที่เป็นส่วนตัวถูกใจ จากกรณีนี้ พจน์ให้บทเรียนนักรบกับผักกาดว่า

“เธอสองคนไม่ควรตัดสินและหัวเราะขำคนอื่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกนะ” ทั้งสองหยุดขำรีบขอโทษ “พวกเราทำงานเซอร์วิสกัน เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือการดูแลและให้เกียรติผู้โดยสาร...เข้าใจนะ แต่พี่ก็ต้องขอชมพวกเธอนะที่ช่างสังเกต ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแล้วก็คอยติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา”

ทั้งนักรบและผักกาดได้รับคำชมจากเพอร์เซอร์รูปหล่อก็ยิ้มหน้าบาน...

เมื่อไปเดินตรวจสอบตามที่นั่งและช่องสัมภาระต่างๆ นักรบเอ่ยขึ้นอย่างชื่นชมว่า

“พี่พจน์พูดถูกจริงๆด้วย เราตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริงๆ”

“สมัยเด็กๆพี่ก็เป็นแบบนักรบนี่แหละ แต่พอเห็นโลกเยอะขึ้นก็เรียนรู้ว่า เราอย่าไปยึดติดกับสิ่งที่เห็นเลย เพราะมันจะทำให้เราพลาด มองข้ามคุณค่าของความจริงหลายๆอย่างไป”

 “ผมจะจำไว้ครับพี่” นักรบอ่อนน้อมมากมองพจน์นึกในใจ คนอะไรทั้งหล่อ เก่งและดีไปหมด...

 ขณะอารมณ์กำลังกำซาบนั้นเอง เสียงผักกาดก็แหวกแจ๋เข้ามาถามว่าพี่พจน์มีอะไรจะให้ตนช่วยอีกคนไหม ทำลายบรรยากาศไปอย่างสิ้นเชิง พจน์บอกผักกาดว่างั้นฝากงานตรงนี้ให้สองคนแล้วกัน ตนจะขอไปดูความเรียบร้อยด้านหน้าก่อน ว่าแล้วไปเลย

“นังผัก...แกมาขัดจังหวะฉันทำไม”

 ผักกาดขอโทษบอกว่าตนไม่รู้ แล้วกระซิบถามว่า “แล้วเป็นไงตกลงพี่เค้า...” นักรบบอกว่ายังไม่แน่ใจ ดูเขาเป็นผู้ชายลึกๆ นิ่งๆ แล้วพูดหน้าตาเฉยว่า

“อาจจะมีอดีตซับซ้อนซ่อนปม แล้วต้องการคนจิตใจดีอย่างฉันไปช่วยคลี่คลาย”

“เว่อร์ คิดไปเองแล้วแก” ผักกาดหมั่นไส้ พอดีนางเดินมาชวนไปถ่ายรูปสำหรับไฟลท์แรกของเรา

วันนี้ขณะปฐพีกำลังคุยเล่นกับไฟอยู่ที่เทอเรซหน้าบ้าน วิเวียนก็โทร.มา เขาถามว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า วิเวียนตัดพ้อว่าถ้าไม่มีธุระโทร.มาไม่ได้หรือ

“ก็...แหม เจ้านายโทร.มา ผมก็ต้องคิดว่ามีเรื่องงานจะสั่ง”

วิเวียนเป็นลูกสาวเจ้าของสายการบินที่เคยคบหากับปฐพี ต่อมาปฐพีขอคบกันอย่างเพื่อนเพราะหลายอย่างในชีวิตมีทัศนคติไม่ตรงกัน แต่วิเวียนยังหวังว่าจะปรับและหันมาคบกันใหม่ได้จึงยังติดต่อสานสัมพันธ์กันต่อไป วันนี้เธอโทร.มาชวนไปทานข้าว พอปฐพีอึกอักก็ดักคออย่างรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีงานและเราก็ไม่ได้ทานข้าวด้วยกันนานแล้ว หว่านล้อมอ้อนๆว่า

“วิรู้ว่าคุณลำบากใจ แต่ใจคอดินจะให้เราเลิกคบกันเลยเหรอคะ แม้แต่ความเป็นเพื่อนดินก็ให้วิไม่ได้เลยใช่ไหม”

ปฐพีฟังแล้วได้แต่ถอนใจเบาๆ และเมื่อไปเจอกันที่ร้านอาหารเธอขอบคุณที่เขายอมมาเจอกัน ปฐพีเน้นว่าไม่เป็นไรยังไงเราก็ยังเป็น “เพื่อน” กันเสมอ

“วิก็ได้แต่หวังล่ะค่ะว่าถ้าวิปรับตัวได้ไม่ทำในสิ่งที่ดินไม่ชอบ เราก็อาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ใช่ไหมคะ” ปฐพีติงว่าเธออย่าปิดกั้นตัวเองเพื่อตนเลย “แต่วิไม่เคยนึกอยากคบใคร ยังไงๆวิก็รักดิน วิจะรอดิน”

“วิ...ผมพูดตรงๆนะ ผมไม่อยากให้วิรอ เพราะการรอมันคงไม่มีคุณค่าอะไรหรอกถ้าความต้องการที่แท้จริงของหัวใจเรามันบอกว่าไม่ใช่”

วิเวียนถามว่าหมายความว่าเขามีคนอื่นแล้วใช่ไหม มันดีกว่าตนยังไง เขาบอกว่าไม่ใช่ ตนแค่พยายามจะพูดให้เธอเข้าใจเท่านั้น

“วิไม่เข้าใจและวิก็ไม่อยากเข้าใจด้วย วิรู้แต่ว่า วิรักดิน แล้วสักวันดินก็จะกลับมารักวิเหมือนเดิม...นะคะดิน...ให้โอกาสวินะ”

วิเวียนออดอ้อน ปฐพีได้แต่กระอักกระอ่วนใจ เมื่อกลับถึงบ้านเฟื่องฟ้าผู้เป็นแม่ถามว่าไปกินข้าวกับวิเวียนมาเป็นยังไงบ้าง เขาบอกว่าก็ดี...งานเยอะ เห็นว่าบริษัทกำลังจะเปิดเส้นทางบินเพิ่ม เฟื่องฟ้าตื่นเต้น แต่ก็ติติงลูกชายว่า “แม่ไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงทั้งเก่งทั้งสวยแบบนี้ ทำไมดินไม่อยากคบกับเขาต่อ”

“ผมเคยบอกแม่แล้วนี่ครับว่าเขาเพอร์เฟกต์เกินไป ผมดีไม่พอหรอกครับ”

เฟื่องฟ้าหว่านล้อมถึงความเหมาะสมกันว่า เขาเองได้เป็นผู้ช่วยนักบินแล้วทรัพย์สินเงินทองเราก็มีเหลือเฟือ เขาคิดว่ายังขาดอะไรอีก ปฐพีบอกว่านั่นเป็นสมบัตินอกกายแต่ใจเราสองคนมันเข้ากันไม่ได้ บอกว่า

“ผมอยากเป็นคนธรรมดาสามัญมีชีวิตเรียบง่ายอยู่กับคนที่ผมรักอย่างแม่ อย่างไฟ แต่วิเขาไม่ใช่”

เฟื่องฟ้าพยายามหว่านล้อมถึงความก้าวหน้าทางการงานที่วิเวียนจะเอื้อแก่เขาได้ และจะทำให้อนาคตของเขาก้าวหน้ามั่นคง เสนอว่าให้เขากลับไปคบกับวิเวียนต่อดีกว่า อะไรเล็กๆน้อยๆก็มองข้ามไปบ้าง

แต่เฟื่องฟ้าพูดไม่ทันจบ ปฐพีก็เดินไปแล้ว เฟื่องฟ้าได้แต่บ่นว่า “ไปก็ไม่บอก อะไรของเขานะ...”

ooooooo

วันนี้...หลังจากผ่านการบินวันแรกแล้ว แม้จะมีปัญหาบ้าง แต่ทั้งนาง ผักกาด และนักรบก็ได้รับคำแนะนำจากพจน์จนเข้าใจและแก้ปัญหาไปได้อย่างดี

ขณะจะแยกย้ายกันกลับ ผักกาดเกิดอยากเข้าห้องน้ำนางจึงให้นักรบไปก่อนตนจะไปเป็นเพื่อนผักกาด

ระหว่างผักกาดเข้าห้องน้ำและนางยืนคอยอยู่จู่ๆไวน์ก็ลากกระเป๋าเข้ามา สองสาวตวัดสายตามองกันอย่างไม่กินเส้นกันตามเคยแต่ไม่ปะทะกัน

ผักกาดอยู่ในห้องน้ำก็ยังคุยกับนางที่ยืนรออยู่โดยไม่รู้ว่าไวน์เข้ามาเติมปากเติมหน้าในห้องน้ำ

“เออนี่นาง แกยังไม่เคยเจอพี่ปฐพีเขาสักทีเลยเนอะ แล้วแกจะตามนังไวน์มันทันเหรอ ยัยนั่นน่ะมันไวไฟจะตาย...”

ไวน์หันขวับไปทางเสียงผักกาดแล้วหันมาจ้องหน้านางอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ผักกาดยังจ้อต่อว่า

“ฉันนึกอะไรได้อย่างนึงนะนาง ถ้าไวน์มันเล่นไม่ซื่อไปบอกพี่ปฐพีเรื่องครอบครัวแกกับเรื่องที่แกเคยจีบพี่พิมานล่ะ หรืออีกทีมันก็อาจจะไปบอกพี่พิมานว่าแกกำลังจะจีบพี่ปฐพี แล้วทางบ้านเธอตอนนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ยังอยากได้พี่พิมานไปช่วยตู๊เรื่องเงินอยู่หรือเปล่า...แต่ก็นะ เรื่องพี่พิมานมันก็ผ่านไปแล้ว เธอก็ใช่ว่าอยากจับปลาสองมือเมื่อไหร่...ฉันว่า...”

ผักกาดทำธุระไปก็คุยไม่หยุดปากพอเสร็จธุระกดชักโครกเปิดประตูออกมาเห็นไวน์ยืนหน้าเป็นยักษ์และนางก็มองผักกาดด้วยสายตาอำมหิต ผักกาดรีบผลุบเข้าไปลั่นกลอนยืนอกสั่นขวัญแขวน

อ่านละคร เด็ดปีกนางฟ้า ตอนที่ 4 วันที่ 11 มี.ค.61

ละครเรื่อง เด็ดปีกนางฟ้า บทประพันธ์โดย: ลินิน
ละครเรื่อง เด็ดปีกนางฟ้าบทโทรทัศน์โดย: แดน ซิวิไลซ์และพราว พิสุทธิ์
ละครเรื่อง เด็ดปีกนางฟ้ากำกับการแสดงโดย: คุณสำรวย รักชาติ
ละครเรื่อง เด็ดปีกนางฟ้าผลิตโดย: บริษัท ฮูแอนด์ฮู จำกัด
ติดตามชมละครเรื่อง เด็ดปีกนางฟ้า ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ