อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 15(ตอนอวสาน) วันที่ 8 ม.ค.61

อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 15(ตอนอวสาน) วันที่ 8 ม.ค.61

“เราผ่านวันนี้พรุ่งนี้ไปได้ก่อนดีไหมคะ”

“ผมจะต้องไปพบคุณป๋าก่อน”

“แล้วจะมีปัญหาอะไรไหมคะ”

“ไม่รู้สิ...ไม่เคยมีใครกล้าเดินออกจากหว่อง

เอ็นเตอร์ไพรส์”

สีหน้าขรึมลงของสามีทำให้ญาดาใจไม่ดี ชาคริตต้องยิ้มปลอบและจูบขมับ

“แต่ไม่น่าจะมีปัญหา...คุณป๋ารักผมเหมือน



ลูกชายแท้ๆ”

แม้จะปลอบใจญาดาแบบนั้น แต่ความจริงชาคริตไม่สบายใจเลยเพราะการออกจากวงการมาเฟียไม่ใช่เรื่องง่าย ชายหนุ่มรู้ซึ้งดีเพราะอยู่วงการนี้มานาน และคนคนเดียวที่น่าจะเข้าใจเขามากที่สุดก็คือเก่งกาจ...

พ่อแท้ๆ

ชาคริตแวะไปหาพ่อถึงวัดเช้าวันถัดมา พร้อมกราบขอโทษที่เคยดื้อเรื่องล้างแค้นดิลก

“ผมขอโทษครับพ่อ...ที่ผมไม่ฟังคำพ่อ”

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว คิดไปก็ไม่มีประโยชน์ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก่อน”

“ถ้าผมได้กลับมา...พ่อต้องมาอยู่กับผมนะครับ”

“พ่อว่าจะกลับไปสอนหนังสือในเรือนจำ...มีประโยชน์กว่านั่งๆนอนๆในบ้านแก”

“ก็ได้...ตามใจพ่อ แต่ถ้าผมไม่กลับมา...”

สีหน้าเคร่งเครียดของลูกชายทำให้เก่งกาจต้องเอื้อมมือไปตบบ่า ให้กำลังใจเสียงอ่อน

“แกต้องกลับมา...ลูกเมียของแกรออยู่ มันอาจจะเป็นคำพูดเชยๆ แต่แกเชื่อเถอะ...ความดีจะชนะทุกสิ่ง”

“แต่ผมเลว ไม่มีอะไรดี ผมผิดพลาดตลอด ทำร้ายคน ยิงคนโดยไม่มีความรู้สึกอะไร...ผมเลวมากใช่ไหมพ่อ”

“แกแค่เดินทางผิดเท่านั้น วันนี้ไง...วันที่แกจะทำสิ่งที่ถูกต้อง...”

ชาคริตเดินทางไปลาออกจากธุรกิจมืดที่ฮ่องกงหลังจากนั้น มิสเตอร์โจวรู้จุดประสงค์ดีจึงไม่ให้พบมิสเตอร์หว่อง แต่ให้ลูกน้องพาชาคริตไปขังแทน ส่วนตัวเองรีบไปรายงานเจ้านายใหญ่

มิสเตอร์หว่องพ่อบุญธรรมของชาคริตรับฟังทุกอย่างด้วยสีหน้านิ่งสงบ จนมิสเตอร์หว่องอดหวั่นใจไม่ได้

“นายใหญ่เลี้ยงมันตั้งแต่เด็ก มันหัวดีทำอะไรก็ถูกใจจนนายรับมันเป็นลูกบุญธรรม...อั๊วกลัวนายใหญ่ใจอ่อน”

“ลื้อเคยเห็นอั๊วใจอ่อนงั้นเหรออาโจว”

“ไม่เคยครับ...แต่ไอ้คริตมันไม่เหมือนลูกน้องคนอื่น”

“ใช่...ไอ้คริตเป็นคนพิเศษ ฟ้าส่งมันมาให้อั๊ว เสียดาย...ที่อั๊วต้องส่งมันกลับไปนรก!”

ขณะที่สถานการณ์ของชาคริตวิกฤติเต็มที ชญานีซึ่งพอเดาสถานการณ์ได้รีบไปหาญาดาที่บ้านเชิงเขาเพื่อบอกข่าวและประเมินทุกอย่างแทนพี่สะใภ้ว่าชาคริตอาจมีอันตรายเพราะตัดสินใจลาออก

“พี่ดาอย่าลืมสิ พี่คริตรู้ความลับทางธุรกิจของมิสเตอร์หว่อง”

“พี่ไม่น่าบังคับให้คุณคริตวางมือเลย”

ญาดาเครียดมาก เป็นห่วงชาคริตจนหน้าซีด ชญานีต้องรีบปลอบ

“พี่ดาอย่าเพิ่งคิดมาก นีปากไวไปหน่อย พี่คริตต้องเอาตัวรอดได้ พี่ดากับลูกรออยู่ ไม่ว่ายังไงพี่คริตก็ต้องกลับ”

“นีอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ”

“ไม่บอกอยู่แล้ว คนรู้น้อยยิ่งดี พี่ดาเถอะ...อยู่บ้านคนเดียวได้หรือเปล่า นีมาอยู่เป็นเพื่อนไหม”

“ไม่ต้อง...พี่อยู่ได้ พี่อยากอยู่คนเดียว”

ooooooo

ญาดาใจไม่ดีเมื่อนึกถึงคำพูดของชญานีและท่าทางก่อนเดินทางของชาคริต หญิงสาวได้แต่ภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และลูกในท้องให้อวยพรและช่วยให้สามีกลับมาอย่างปลอดภัย

ชาคริตมีเพียงภาพถ่ายอัลตราซาวนด์ของลูก

เป็นกำลังใจให้เขากล้าเผชิญหน้ากับพ่อบุญธรรมในวันต่อมา

“ลื้อยังไม่เข้าใจชีวิตถึงตัดสินใจโง่ๆ ลื้อรู้ไหมว่าคนขึ้นหลังเสือแล้ว ทำไมถึงลงไม่ได้ เพราะลงเมื่อไหร่คือตาย!”

“ผมไม่เคยคิดคดทรยศนายใหญ่ ที่ผมต้องการวางมือจากที่นี่เพราะผมต้องการสร้างครอบครัว”

“อั๊วไม่ใช่ครอบครัวของลื้อเรอะ”

“ผมไม่อาจเอื้อม...ผมเป็นได้แค่คนรับใช้

นายใหญ่เท่านั้น ถ้าผมเป็นคนในครอบครัว...ผมคงไม่อยู่ในสภาพนี้”

มิสเตอร์โจวโกรธมากที่ชาคริตกล้ายอกย้อนเจ้านายใหญ่ เอ็ดลั่น

“ลื้อกล้าต่อว่านายใหญ่เหรอไอ้คริต...ไอ้คนอกตัญญู!”

“อาณาจักรของอั๊วจะเป็นของลื้ออีกไม่นาน...ลื้อเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน”

มิสเตอร์หว่องพยายามหว่านล้อมและยื่นข้อเสนอ แต่ชาคริตยืนกรานไม่เปลี่ยนใจ เลยถูกบีบให้เล่นเกมวัดใจด้วยการเสี่ยงดวง เอาปืนจ่อขมับตัวเองและลั่นไกตามเงื่อนไขของมิสเตอร์หว่อง

“นัดแรกชดใช้ที่อั๊วเลี้ยงลื้อมายี่สิบปี นัดที่สอง...

นัดสุดท้าย...ถ้าลื้อรอด...อั๊วยอมให้ลื้อไปจากที่นี่!”

ท่าทางนิ่งไม่กลัวตายของชาคริตทำให้มิสเตอร์หว่องทึ่งเหมือนเดิม แล้วดวงชะตาก็ทำให้เขารอดชีวิตจากกระสุนในรังปืนได้อย่างน่าอัศจรรย์ ชาคริตโล่งใจมาก รีบบอกลา

“ผมขอบคุณนายใหญ่ที่เมตตาผม ผมเดินออกไปจากที่นี่แล้วจะไม่กลับมาอีก ผมจะไปมีชีวิตใหม่ที่สุขสงบ...ชีวิตแบบที่นายใหญ่ไม่มีวันมี!”

ชาคริตหมุนตัวจากไปแล้ว มิสเตอร์หว่องไม่คิดฆ่าอดีตลูกบุญธรรมเพราะเชื่อในสัจจะนักเลง แต่มิสเตอร์โจวแค้นมาก ตามไปหวังจะยั่วให้ชาคริตสู้ตอบ จะได้ถือโอกาสฆ่า แต่ปิงบอดี้การ์ดคู่ใจก็ช่วยเขาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

อดีตมาเฟียอย่างชาคริตหอบสภาพสะบักสะบอมกลับเมืองไทยหลังจากนั้น ญาดาดีใจมาก โผกอดแน่น

“คุณกลับมาแล้ว”

“ผมไม่ยอมผิดสัญญากับคุณแน่”

ชาคริตนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะเจ็บแผล แต่ดีใจมากกว่าที่ได้กลับบ้านและเริ่มต้นชีวิตใหม่

“แต่ดา...นอกจากบ้านหลังนี้ ผมไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงิน ไม่มีงาน...แล้วผมจะดูแลคุณได้ยังไง”

“ดาเลี้ยงง่าย กินไม่จุหรอก ตอนนี้แค่มีเราสองคนอยู่ด้วยกันอย่างนี้ก็พอแล้ว”

“วันหน้าเป็นไงก็ช่างมัน...ขอแค่มีเราสามคนอยู่ด้วยกัน”

ญาดาวางแผนจะเปิดบริษัทตรวจสอบบัญชีกับเขมิกา ชาคริตบ่นเสียงอ่อยที่ช่วยเธอไม่ได้ ญาดาเลยแนะให้เขาเอาเงินทุนไม่กี่ล้านที่เป็นของเขาเองมาลงทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กที่หลงทางและเสี่ยงต่อการทำผิด

“ผมรักคุณก็เพราะอย่างนี้นี่แหละ...แล้วคุณรักผมเพราะอะไร”

“ดารักคุณเพราะดาเชื่อว่าคุณมีหัวใจ...ถึงจะเป็นหัวใจที่ขาดความรัก”

“แต่สุดท้ายก็ได้ดามาเติมเต็มให้ ผมยังไม่อยากเชื่อเลยที่คุณบอกรักผม...บางทีมันอาจเป็นแค่ความสงสาร”

“เฮ้อ...คนมีปม ดารักคุณค่ะคุณคริต”

พูดจบก็หอมแก้มซ้ายขวาบอกว่าเป็นจูบจากเธอกับลูก ชาคริตชอบใจมาก กอดเธอแน่น ก่อนจะหลุดปากบอกว่ารู้แล้วว่าลูกในท้องเป็นผู้ชาย ญาดาที่ตั้งใจจะลุ้นตอนคลอดเคืองมากจนเขาต้องแกล้งบอกจะหายหน้าไปสักพัก

ญาดากลัวเขาหนีจริงๆ รีบรั้งไว้ “อย่านะ...ดาจะไม่ยอมรออย่างทรมานอีกแล้ว...ห้ามไปไหนอีก”

“ผมมีบ้านให้กลับ มีลูกเมียรออยู่ แล้วผมจะไปไหนได้อีก...รักคุณที่สุด”

ชาคริตบรรจงจูบญาดาด้วยความรักสุดหัวใจ...ต่อจากนี้คือการเริ่มต้นอันสดใส ไม่มีอีกแล้วไฟแค้นที่เผาผลาญใจแทบมอดไหม้เหมือนที่ผ่านมา...

******อวสาน******

อ่านละครเรื่อง ระเริงไฟ ตอนที่ 15(ตอนอวสาน) วันที่ 8 ม.ค.61

ละครเรื่อง ระเริงไฟ บทประพันธ์โดย โสภี พรรณราย
ละครเรื่อง ระเริงไฟ บทโทรทัศน์โดย พิมพ์ธนา และ เอกชยา
ละครเรื่อง ระเริงไฟ กำกับการแสดงโดย กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง ระเริงไฟ ผลิตโดย บริษัท ชิติเช่น เคน จำกัด
ละครเรื่อง ระเริงไฟ ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ