อ่านละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ตอนที่ 1 วันที่ 3 ม.ค.61

อ่านละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ตอนที่ 1 วันที่ 3 ม.ค.61

12 ปีก่อนเป็นยุครุ่งเรืองของงิ้ว ศาลเจ้าพ่อเสือมักมีงานฉลอง มีการเชิดสิงโต การแห่รูปปั้นเทพเจ้า ผู้คนเข้ามากราบไหว้มากมาย เสียงดนตรีงิ้วโหมโรงดังสนั่นแสดงให้รู้ว่าใกล้เริ่มการแสดง เด็กหญิงบัว เด็กชายชยุติและเด็กชายดำเกิงวิ่งเล่นกันอยู่ รีบกลับมาที่โรงงิ้วอย่างรู้งาน

ผ่านมาถึงปีพุทธศักราช 2517...เสียงซินแสหลอตะโกนเรียกบัวซึ่งโตเป็นสาวสวยกำลังง่วนกับการจัดชุดงิ้วให้นักแสดง มาที่แท่นทำพิธี...

เจียงเป็นเจ้าของคณะเหลี่ยนฮัว มีซินแสหลอเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขมาตลอด บัวกับดำเกิงเป็นเด็กกำพร้าที่เจียงเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม มีนักแสดงในคณะคือ ตรึงจิต นกขมิ้น ฉาง และนักแสดงอื่นๆ...ทุกคนร่วมกัน เซ่นไหว้เทพเจ้าทุกองค์ เจียงกล่าวคำอธิษฐาน



“ปีนี้คณะเหลี่ยนฮัวเปิดการแสดงเป็นครั้งแรก ขอให้การแสดงราบรื่น ไร้อุปสรรค เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมด้วยเถิด”

“พวกเราชาวคณะขอคารวะเทพเจ้าฉั่งหง่วงส่วยและองค์ไท้จื่อเอี้ย” หลอกล่าวต่อ

“เหล่าเอี้ยป่อฮ่อ” ทุกคนกล่าวพร้อมกัน และปักธูปลงกระถาง คุกเข่าลงคำนับ 3 ครั้ง

 จากนั้นก็แบ่งขนมเปี๊ยะให้ทุกคนเจี๊ยะ ดำเกิงตะโกนนำเพื่อปลุกคนในคณะว่า...พวกเราสู้ตายใช่ไหมพ่อแม่พี่น้อง ทุกคนชะงักมองดำเกิงเป็นตาเดียว หลอเอ็ด

“ลื้อซี้ซั้วต่าอาเกิ่ง พูดออกมาได้ว่าสู้ตงสู้ตาย ลื้อจะเล่นงิ้วหรือจะไปชกมวยวะ...”

ดำเกิงหน้าเจื่อน หลอหันมากำชับตรึงจิตให้ทบทวนบทร้องให้แม่น อย่าผิดอีก ตริึงจิตกระฟัดกระเฟียดรับคำแล้วบ่นว่า นางเอกหายหัวไปไหน หลอนึกได้ว่าไหมฟ้าหายไปไม่มาร่วมพิธี บัวอาสาไปตามเพราะรู้ว่าชอบไปไหน

บัวมาตามไหมฟ้าที่ร้านกระเพาะปลาใกล้ศาล ไหมฟ้าบ่นอุบว่าบัวเป็นมารการกินของเธอ...ด้านดำเกิงไปตามหาอีกทาง กลับมาบอกเจียงว่าหาไหมฟ้าไม่เจอ ไม่ทันไรไหมฟ้าเดินหน้างอเข้ามาไม่แคร์สายตาใครจะตำหนิ นกขมิ้นดีใจกระดี๊กระด๊าออกนอกหน้าจนตรึงจิตหึงกระทุ้งศอกใส่ หลอต่อว่าจะออกโรงอยู่แล้วยังไม่แต่งหน้าแต่งตัว ไหมฟ้ายืดอกอย่างผยอง

“ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน อย่าตื่นเต้นนักเลยน่าครู ฉันน่ะระดับไหนแล้ว หลับตาเล่นยังได้เลย”

เจียงไม่พอใจ “ถ้าลื้อยังดูถูกอาชีพที่เลี้ยงลื้อให้มีกินมีใช้อยู่ทุกวัน ลื้อก็ไม่คู่ควรที่จะเหยียบเวทีนี้ กฎของคณะเหลี่ยนฮัว ก่อนแสดงครึ่งชั่วโมง ทุกคนต้องอยู่หลังเวที”

“โอ๊ย...เรื่องมากจริง คืนนี้จะมีคนดูหรือเปล่ายังไม่รู้!”

เจียงโกรธจัดจนความดันขึ้นเซจะล้ม บัวตกใจเข้าประคอง เจียงกัดฟันสั่งทุกคนแต่งตัวให้พร้อมก่อนการแสดงเริ่ม หลอให้บัวช่วยไหมฟ้าแต่งตัว ตรึงจิตหมั่นไส้ด่าไล่หลังไหมฟ้าว่าเป็นพวกคางคกขึ้นวอ ขึ้นแท่นเข้าหน่อยพาลไปทั่วไม่รู้จักหัวหงอกหัวดำ

ด้านหน้าเวที คนดูโหรงเหรง มีอาม่านั่งสัปหงก อาแปะนั่งแทะเม็ดกวยจี๊ การแสดงเป็นเรื่องไป๋ซู่เจินนางพญางูขาว ซึ่งโด่งดังมานาน...ไหมฟ้าแสดงเป็น

ไป๋ซู่เจินมักจะชม้ายชายตาให้นกขมิ้น เจ้าตัวก็เล่นด้วย ทำให้ตรึงจิตซึ่งเป็นเมียไม่พอใจ เกิดการทะเลาะนอกบทบนเวที ดนตรีบรรเลงหนักหน่วงประกอบการตบตี สลับการแสดงจริง

บัวกำลังปรนนิบัติดูแลเจียงและทุกคนหลังเวที ต่างตกใจกับเสียงที่ดังมา ดำเกิง ซึ่งนั่งหลับรอคิวการแสดงต้องสะดุ้งตื่นเมื่อถูกบัวปลุกให้ดึงรอกเปลี่ยนฉาก ตรึงจิตเดินฟึดฟัดเข้ามาชนดำเกิงทำให้เชือกหลุดมือ ฉากหล่นโครม โรงงิ้วเกิดความปั่นป่วน

 ไหมฟ้าตามมาทะเลาะตบตีกับตรึงจิตหลังเวที ข้าวของล้มระเนระนาด บัว ดำเกิง และชาวคณะช่วยกันแยกจนโดนลูกหลงกันไป เจียงสั่งดำเกิงไปสลับฉากไว้เดี๋ยวคนดูตกใจหนีกลับ แต่กลายเป็นคนดูวิ่งมาดูนางเอกนางรองตบตีกัน ส่งเสียงเชียร์สนุกสนาน หลอลากนกขมิ้นเข้ามา ตรึงจิตกระชากคอนกขมิ้นถามจะเลือกใคร ไหมฟ้าดึงนกขมิ้นมากอดแสดงความเป็นเจ้าของ

“บอกมันไปเลยพี่นกขมิ้น ว่าพี่เบื่ออีปากเหม็นนี่ขนาดไหน อีไส้เน่า”

“มึงดีกว่ากูนักนี่อีเต่าเหม็น ไม่รู้ว่าเต่าเหม็นที่เดียวหรือว่าที่อื่นมันเหม็นด้วย...ทั้งทอมทั้งผู้ชาย อีนี่มันฟาดเรียบทั้งตลาด ทุเรศที่สุด”

คนดูหัวเราะชอบใจ ไหมฟ้าร้องกรี๊ดๆปราดเข้าตบตีกับตรึงจิตอีก นกขมิ้นพยายามห้ามบอกว่ารักทั้งสองคน เท่านั้นสองสาวร้องกรี๊ดหันมาตบตีนกขมิ้นแทน ไหมฟ้าหาว่าบัวเอาเรื่องตนมาโพนทนา บัวปฏิเสธ ตรึงจิตบอกเรื่องของไหมฟ้าเน่าจนทุกคนได้กลิ่นเอง

เจียงเสียงกร้าวขึ้น “ลื้อกินข้าวหม้อเดียวกันแท้ๆนะ จะพูดจาดีๆกันไม่ได้หรือไงห๊ะ ไอ้ที่รำสวยๆร้องเพลงเพราะๆ อยู่ทุกวันเนี่ย มันไม่ช่วยขัดเกลาจิตใจลื้อเลยหรือไง”

 ไหมฟ้าเถียงอย่างไม่ยำเกรง หลอตำหนิซ้ำลืมไปแล้วหรือว่าใครให้ข้าวให้น้ำ ฝึกปรือจนเป็นนางเอกโด่งดังไม่อย่างนั้นเป็นคนงานก่อสร้างไปแล้ว ไหมฟ้าย้อนว่า ที่เล่นงิ้วก็ตอบแทนบุญคุณเพื่อส่งเสียคนบางคนเรียนยังไม่พออีกหรือ บัวสะดุ้งถามหมายถึงตนหรือ ไหมฟ้าแว้ด

“หรือไม่จริง พวกเรารู้กันทั้งคณะว่าใครใช้เงินเปลืองที่สุด เช้ามาก็ทาแป้งหน้าขาวไปเรียน เย็นมาก็นั่งๆ นอนๆเป็นคุณนาย”

เจียงโมโหมากไล่ถ้าคิดอย่างนั้นก็ออกไป ไหมฟ้าโกรธคิดหลงตัวเองประกาศกร้าวว่าอย่ามาง้อทีหลัง บัวหน้าเสียพยายามรั้ง เจียงสั่งเสียงเฉียบไม่ให้ตามความดันขึ้นจนเป็นลมล้มพับ

ooooooo

ค่ำคืนนั้นบัวกับทุกคนช่วยกันเก็บของ เจียงเปรยกับหลอว่าคณะเราจะไปรอดหรือ หลอให้เจียงใจเย็นพักผ่อนให้หาย คณะเรารอดพ้นวิกฤติมาได้ทุกครั้ง พรุ่งนี้จะต้องเหมือนเดิม

 ทันใดเถ้าแก่นั้ง กรรมการดูแลศาลเจ้า เข้ามาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ต่อว่าที่อุตส่าห์ไว้ใจผูกขาดให้เล่นงิ้วประจำ แต่กลับมีเรื่องให้งานเสียหายจะเปลี่ยนคณะใหม่ บัวร้อนใจดึงลากดำเกิงที่ยังล้างหน้าไม่หมดออกไปตามไหมฟ้าให้กลับมาเล่นเป็นนางเอกของคณะต่อ

เจียงนั่งคุกเข่ามองแท่นบูชาเทพเจ้า รำพันโทษตัวเองไม่เอาไหนที่ดูแลคณะไม่ได้ หลอปลอบ

“ไม่น่อ...เฮียไม่เคยได้ยินเหรอ ชิ้วเส่ยอาตั้ว กาชึง...แปลว่ามือเล็กอุดตูดใหญ่ เฮียเจียงแค่คนเดียวจะคอยตามล้างตามเช็ดปัญหาทุกอย่างในคณะไม่ได้หรอก ของบางอย่างก็ต้องปล่อยมันไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คิดมากปวดหัวเปล่าๆ”

“อั๊วสร้างคณะเหลี่ยนฮัวขึ้นมากับมือ จะปล่อยให้พังตรงหน้าได้ยังไง ถ้าพรุ่งนี้อาไหมฟ้าอีไม่ยอมกลับมาเล่น เราก็แสดงไม่ได้ อั๊วห่วงก็แต่ชื่อเสียงของคณะเรานี่สิ เสียไปแล้วไม่รู้จะเรียกคืนมายังไง แล้วใครจะมาเชื่อถือคณะเรา”

“อาไหมฟ้าอยู่กับเฮียมาสิบกว่าปี เวลาอีลำบาก เฮียก็ยื่นมือช่วยเหลืออีทุกครั้ง อาไหมฟ้าอีคงไม่ใจจืดใจดำทิ้งคณะเราไปหรอกน่า”

เจียงมองหน้าหลออย่างไม่มั่นใจ ในขณะที่บัวกับดำเกิงไปขอร้องให้ไหมฟ้ากลับมา กลับโดนตอกหน้าว่า ทำงานมาเป็นสิบปีร้องคอแทบแตกเงินเดือนแค่ห้าพันเท่าเดิม ดำเกิงท้วงว่าคนอื่นๆได้แค่พัน สองพัน แต่ไหมฟ้าไม่สนใจ ถือดีว่าระดับตนต้องมากกว่านี้ ไม่เพียงเท่านั้น ไหมฟ้ายังโยนเสื้อผ้าของนกขมิ้นใส่หน้าบัวกับดำเกิง ให้ไปบอกนกขมิ้นว่าตนจะเผาสมบัติเขาทิ้ง

“ไอ้คนเฮงซวย หนอยให้อีเมียหลวงมาตบกู ไอ้หน้าตัวเมีย มึงอย่าโผล่หัวมาให้เห็นอีกนะมึง” ไหมฟ้าเข่นเขี้ยวถ่มน้ำลายรดข้าวของ บัวกับดำเกิงกระโดดหลบวิถีน้ำลาย

ดำเกิงเดินกลับบ่นกับบัว หมั่นไส้ไหมฟ้าที่ว่าเงินเดือนไม่พอยาไส้ ไม่นึกว่าตัวเองดังอยู่คนเดียว ไม่เห็นหัวใครในคณะเลย อยากออกก็ออกไป คนอื่นที่จะขึ้นมาแทนมีถมไป ทันใดเสียงแตรรถของวลีกับกนกวิภา สองแม่ลูกบีบไล่ให้หลบ บัวกับดำเกิงพยายามกระโดดหลบน้ำที่เจิ่งบนถนนเข้าข้างทาง ดำเกิงหันมามองหน้า เห็นกนกวิภาเป็นคนขับยิ้มเหยียด

สองแม่ลูกเห็นหน้าว่าเป็นเด็กโรงงิ้วก็แกล้งเร่งรถทับน้ำสาดใส่ แล้วเปิดกระจกรถร้องบอก “ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ แต่เจตนา มีอะไรไหม”

“อ้าว พูดแบบนี้มันกวนกันนี่หว่า แน่จริงก็ลงมาคุยกันตัวๆให้รู้เรื่องสิวะ” ดำเกิงสวน

บัวปรามให้ใจเย็น กนกวิภาตอบโต้ว่าถนนซอยนี้พวกตนเสียภาษีมากกว่า อย่าทำเป็นเจ้าของถนน แล้วหัวเราะคิกคักกับแม่ก่อนจะออกรถไป ดำเกิงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง บัวปลอบว่าจริงของเขา เขาเสียภาษีมากกว่าก็ได้เป็นเจ้าของถนนมากกว่า

 ดำเกิงไม่เห็นด้วย คนจนไม่ใช่คนหรืออย่างไร มันดูถูกกันเกินไป หันไประบายอารมณ์เตะของแถวนั้นกระเด็น

ooooooo

สนามบินดอนเมือง ไชโยยืนชะเง้อคอยชยุติลูกชายกลับจากต่างประเทศ มีวลัยน้องฝาแฝดภรรยายืนขนาบคอยแต๊ะอั๋ง ใบหน้าเคลียร์ไหล่เขาราวกับเป็นภรรยาเสียเอง วลีกับกนกวิภาเดินเข้ามา วลีตาขวางกระแอมใส่

“ไม่ใกล้ชิดกันเกินไปหน่อยเรอะแม่วลัย ที่ทางเขาออกกว้างขวางนะ”

“แหม คุณพี่ก็ ก็คนมันมากจะให้น้องไปอยู่ตรงไหนคะ ถ้าไม่ใช่ตรงนี้”

วลีบอกตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงสามีตนอยู่ กนกวิภาร้องอย่างตื่นเต้นว่าชยุติมาแล้ว เสียงฉาบกลองดังขึ้นพร้อมการเชิดสิงโตยิ่งใหญ่...ชยุติเข็นกระเป๋าออกมาพร้อมรอยยิ้ม กนกวิภาวิ่งเข้าไปกอดพี่ชาย วลีกำลังจะเข้าสวมกอดแต่ถูกวลัยตัดหน้า

“ติ หลานรักของอี๊”

วลีต้องเบียดแทรกเข้าไปกอดลูกชายหัวแก้ว หัวแหวน ไชโยดีใจภาคภูมิใจมากถึงกับตะโกนบอกคนแถวนั้นว่า ลูกชายตนเรียนจบปริญญาโทบริหารจากฟิลิปปินส์กลับมา กนกวิภาปรามป๊าว่าอายเขา วลัยกลับติงว่าจะอายทำไม คนธรรมดาทำอย่างพวกเราไม่ได้ วลีรีบถามว่าไม่ได้เอาเมียแหม่มหัวแดงมาด้วยใช่ไหม ขาดคำก็มีเสียงทักทายเป็นภาษาอังกฤษ...ไฮ!

ชยุติทักแนนซี่แล้วแนะนำให้รู้จักแด๊ดกับมัม ทุกคนตะลึงคิดว่าเป็นเมียแหม่มชยุติ วลีทำท่าจะเป็นลมชยุติรีบบอกว่าเธอเป็นเพื่อนที่เดินทางกลับมาด้วยกันเท่านั้น

รถสองคันแล่นเข้ามาจอดในคฤหาสน์ จี๊ดกับจ๊าดสองสาวใช้ยืนรอต้อนรับ ชูดวงคนขับรถลงมาเปิดประตูรถให้ชยุติกับไชโยลง สองสาวใช้เข้าขนสัมภาระกันวุ่นวาย กนกวิภาทวงของฝากทันที ชยุติส่งถุงที่แยกต่างหากให้ บอกสำหรับน้องสาวสุดที่รัก มีทั้งช็อกโกแลต เสื้อผ้า และน้ำหอม หญิงสาวสวมกอดขอบคุณพี่ชาย

มาลัยยืนเท้าเอวอยู่ตรงประตู วลัยสะกิดหลานชาย เขาดีใจมากวิ่งเข้าไปกราบแทบเท้า มาลัยถามเอาเมียแหม่มมาฝากหรือเปล่า เขาเย้าว่าเอามาทั้งลูกและเมียเลยแล้วอุ้มอาม่าเหวี่ยงไปรอบๆ มาลัยหัวเราะ วลีปรามเล่นเป็นเด็กแล้วเหน็บอาม้าตัวเองว่าไม่หลับนอนเดี๋ยวก็ป่วยอีก

“ไม่สบายก็เรื่องของอั๊ว รำคาญนักก็ส่งไปอยู่บ้านบางแคซะเลยสิ เขาไม่อยากให้อยู่เราก็ไปกันสองคนนะไอ้ตี๋นะ” มาลัยเถียง

ชยุติรับคำแล้วอุ้มอาม่าเข้าบ้านหัวเราะกันสดชื่น... ในคืนนั้นชยุตินอนไม่หลับ มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นหลังคาโรงงิ้ว วลีเดินเข้ามาเขาจึงถามแม่ว่าโรงงิ้วนั้นยังอยู่ดีหรือเปล่า วลีว่าโรงงิ้วสับปะรังเคก็อยู่อย่างเดิมเพราะพวกนั้นจะไปทำมาหากินอะไรได้อีก ชยุติอยาก ออกไปขับรถชมกรุง วลีรีบห้ามอย่าทำอะไรแผลงๆเหมือนอาม่าอีกคนเลย

วลีกลับออกไป ชยุติยังมองโรงงิ้วคิดถึงวัยเด็ก ที่ได้วิ่งเล่นกับบัวและดำเกิง ไม่รู้ว่าป่านนี้ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้าง

ooooooo

เช้าวันใหม่ บัวกลับจากจ่ายตลาด ไม่เห็นดำเกิงเอาชุดงิ้วออกมาผึ่งแดดก็บ่นใส่ ดำเกิงแก้ตัวว่าคืนนี้เจียงสั่งงดเล่นงิ้วจะตากทำไม บัวแย้งว่าทำอย่างนั้นก็เสียชื่อคณะหมด ดำเกิงว่าเราจะช่วยอะไรป๊าได้ บัวครุ่นคิดมันต้องมีทาง บัวเศร้าใจเข้ามานั่งลูบไล้ชุดงิ้วด้วยความรักและอาลัย

ธานี เสี่ยหน้าเลือดประจำซอย คอยปล่อยเงินกู้และเก็บดอกเบี้ยมหาโหดจากชาวบ้าน มีขวดเป็นลูกน้องท่าทางยียวน เดินตามลูกพี่รีดไถดอกเบี้ยจากพ่อค้าแม่ค้าอย่างเหี้ยมโหด จนมาถึงบ้านเจียง เจอดำเกิงกับบัวก็ตวาดถามหาเจียง

เจียงได้ยินรีบออกมาเชื้อเชิญธานีเข้ามาดื่มน้ำชา ธานีปัดไม่ดื่มจะมาเก็บดอกเบี้ย เจียงขอผัดสักสองวัน ก็โดนตวาดใส่

“อะไรวะ ลื้อผัดมาตั้งกี่วันแล้ว วานซืนก็ขอผัด มาวันนี้ก็ขอผัดอีก พูดไม่เป็นคำพูดอย่างนี้ หมาชัดๆ”

ดำเกิงไม่พอใจขยับจะเข้าใส่ ขวดถลกแขนปกป้องเจ้านาย ดำเกิงผลักหงายกระแทกธานีล้มก้นจ้ำหน้าเหยเก เจียงเอ็ดอย่าเสียมารยาท แล้วยกมือไหว้ขอความกรุณาอีกสักครั้งหมุนเงินไม่ทันจริงๆ ธานีถ่มน้ำลายใส่อย่างกักขฬะ

“ลื้อพูดยังงี้มันเอาแต่ได้นี่หว่า เงินอั๊ว อั๊วก็ต้องหมุนเหมือนกัน อั๊วไม่ได้มีเงินเป็นถุงเป็นถังนะโว้ย ยังไงวันนี้ลื้อก็ต้องจ่ายดอก...ไอ้ขวดเอาบัญชีมา”

ขวดเปิดหน้าส่งให้ธานีอ่าน ต้นสองแสน ดอก แปดหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยยี่สิบ ดำเกิงตาโตหาว่าโกง ธานีโยน สมุดบัญชีใส่หน้าให้ดูเอา แล้วบ่นว่าตอนหน้าฝนไม่มีงานก็บากหน้ามากู้เงิน ถ้าไม่ช่วยจะมีกินมีใช้แบบนี้หรือ ขวดเป็นพวกนายว่าขี้ข้าพลอยทันที ดำเกิงสวน

“แต่คิดดอกเบี้ยมหาโหดแบบนี้ มันหน้าเลือดเกินไป ใครจะมีปัญญาจ่ายวะ”

“อาเกิ่ง อย่าเสียมารยาท นั่งลง บุญคุณของเสี่ยธานี อั๊วจำได้ไม่เคยลืม เสี่ยรอสักเดี๋ยวนะ...เกิ่งเอานาฬิกาป๊าไปตึ๊งที รีบไปรีบมา เสี่ยเขาคอยอยู่” เจียงเอ็ดแล้วปลดนาฬิกาข้อมือให้

“ป๊า นาฬิกาเรือนนี้พวกเราอุตส่าห์รวมตังค์กันซื้อให้ป๊าเป็นของขวัญปีใหม่นะ”

หลอแทรกเข้ามาบอกให้ดำเกิงทำตามที่เจียงสั่ง และถอดสร้อยคอทองคำจากคอตัวเองให้ไปด้วย เจียงกับบัวพยายามข่มใจให้นิ่งทั้งที่ใจจะขาดรอนๆ

 สักพักดำเกิงกลับมาวางเงินลงสองพัน จี้ธานีจดให้ละเอียด เจียงชอบคุณธานีบอกว่าจบงานฉลองศาลเจ้า คงมีเงินให้อีกก้อน ธานีเยาะว่าจ่ายไม่กลัว กลัวไม่จ่าย แล้วเหลือบเห็นบัว

 “อาบัว อั๊วเห็นลื้อมาตั้งแต่ยังแก้ผ้าวิ่งโทงๆอยู่แถวนี้ เผลอแป๊บเดียวปีนี้ลื้อโตเป็นสาวสะพรั่งแล้วนะ” ธานีมองบัวด้วยสายตาโลมเลีย

 ดำเกิงรีบไล่เจ้านายและลูกน้องให้กลับ ธานียิ้มเหยียดก่อนไป “แล้วอั๊วจะมาใหม่ อย่าลืมล่ะ ไอ้โรงงิ้วกับที่ดินตรงนี้มันอยู่ในกำมืออั๊ว”

 ดำเกิงเข่นเขี้ยว คนอะไรเกิดมาหน้าตาน่าเกลียดไม่พอ ยังหน้าเลือดอีก เจียงกับบัวถอนใจ

ooooooo

ชยุตินั่งเซ็งอยู่ในห้อง วลีเข้ามาเร่งให้แต่งตัว บอกว่านักข่าวกับแขกมากันเต็มบ้านแล้ว ชยุติบ่นทำไมต้องแถลงข่าวกับแค่ตนเรียนจบกลับมา วลีลูบหลังลูบไหล่

“ลูกนี่ช่างไม่รู้อะไรเลย ไม่ทำข่าวแล้วเราจะเป็นข่าวได้ยังไงจ๊ะ ในเมื่อเราจะต้องเป็นคนที่คนอื่นให้ความสนใจ มันจำเป็นจ้ะ เดี๋ยวนี้นักร้องดังๆน่ะจะเข้าโรงพยาบาลผ่าริดสีดวง เขายังต้องทำข่าวกันเลยลูก...นี่ถ้าลูกไม่รู้จะทำตัวยังไงก็เฉยไว้ ยิ้มอย่างเดียวนะลูกนะ ใครถามคำถามอะไรก็ตอบเก๋ๆไว้เป็นดี ตกลงนะจ๊ะ คิดซะว่าทำเพื่อป๊ากับม้า”

ชยุติฝืนใจรับคำ วลีดีใจหอมแก้มลูกแล้วช่วยแต่งตัวให้...พอลงมาที่ห้องโถง แขกเหรื่อและนักข่าวเต็มบ้าน ไชโยกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า ลูกชายตนตรากตรำกับการเรียนหนัก และไม่ทำให้ตนผิดหวัง คว้าปริญญาสองใบกลับมา ตนขอประกาศให้ชาวโลกรับรู้ว่าเกียรติกำจรในวันข้างหน้าจะยิ่งกำจรเกียรติขึ้นไปอีก แล้วดึงตัวชยุติมาโชว์ตัวกับทุกคน

แสงแฟลชสว่างวูบวาบ มาลัยเดินผ่ากลางขวางทางช่างภาพถาม “ทำอะไรกันวะ หนวกหูจริงๆ ไม่รู้จักเกรงใจชาวบ้านชาวช่องเขามั่ง อ้าวแล้วนี่ใครเอาต้นไม้ข้ามาตั้งตรงนี้วะ ไอ้ชู ไอ้ชูอยู่ไหนวะ มายกต้นไม้เข้าไปไว้ ที่เดิมที”

 ชูดวงวิ่งเข้ามา ผู้คนเริ่มระส่ำระสาย วลีตบอกที่อาม้าของตนทำเรื่องอีก สั่งคนไปพาตัวออกมา ชยุติรีบดึงมาลัยมาร่วมถ่ายรูป มาลัยยิ้มชอบใจ กอดหลานชายเตะท่าถ่ายรูปกันสองคน ไม่เอาทั้งอาม้า อาอี๊และน้องสาว บอกพวกนั้นดัดจริตเดี๋ยวรูปตนออกมาเป็นตัวตลก นักข่าวและแขกหัวเราะครื้นเครง ชยุติกอดอาม่าโพสท่ากันสนุกสนาน...

 ที่หลังโรงงิ้ว บัวนั่งร้องไห้อยากช่วยป๊าหาเงินเป็นการทดแทนบุญคุณที่ชุบเลี้ยงตนมา แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร แสงแดดส่องกระทบกระบังหน้าของไป๋ซู่เจินได้มุมองศางดงามดูขลังอลังการ บัวเหมือนต้องมนต์สะกด เอื้อมมือไปสัมผัสแล้วเปล่งเสียงร้องบทไป๋ซู่เจินออกมา

ดำเกิงกำลังรินน้ำชาให้เจียงกับหลอ ได้ยินเสียงร้องมีพลังก็ชะงัก เจียงถามว่าเสียงใคร หลอบอกนี่แหละน้ำเสียงนี้ใช่ไป๋ซู่เจินจริงๆ ทั้งสามลุกเดินตามเสียงร้องออกไป

อ่านละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ตอนที่ 1 วันที่ 3 ม.ค.61

ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว บทประพันธ์โดย กราตร ศักตา
ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว บทโทรทัศน์โดย ยิ่งยศ ปัญญา, สรรัตน์ จิรบวรวิสุทธิ์
ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว กำกับการแสดงโดย ธนากร โปษยานนท์
ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ผลิตโดย บริษัท ดู เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด
ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ควบคุมการผลิตโดย ธัญญา-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ละครเรื่อง เสน่ห์นางงิ้ว ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ