อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 1 วันที่ 17 ต.ค.60

อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 1 วันที่ 17 ต.ค.60

“เวลาเหมือนสายน้ำไหลไปไม่ย้อนกลับ แม้ว่าหัวใจอยากจะย้อนกลับไป...วันที่มีแค่เราสองคน ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของคน...อย่างผม แต่ความสุขไม่เคยอยู่กับใครได้นาน เหลือเพียงความทรงจำฝังลึก เจ็บปวดแต่แสนหวานเมื่อได้คิดถึง ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริง”

ณรังค์...ชายหนุ่มวัยเบญจเพสที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ นั่งคิดถึงช่วงเวลาอายุ 15-16 กับหญิงสาวยืนจับมือกันมองสายน้ำไหลผ่านด้วยสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขอยู่บนรถแท็กซี่ ไม่ทันไรเสียงรถเบรกอย่างแรงพร้อมกับแรงเหวี่ยงให้เขาหน้าคะมำ

“คนข้ามถนนตัดหน้ารถครับ” สีหน้าคนขับตกใจอกสั่นขวัญแขวน



ณรังค์มองไปข้างหน้าเห็นหญิงสาวหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าและสัมภาระจูงคุณยายยืนตกใจอยู่กลางถนน ชายหนุ่มกับโชเฟอร์ลงจากรถไปสอบถาม สิริกันยา

ผู้เป็นหลานรีบขอโทษแล้วหันไปถามศรีนวลผู้เป็นย่าอย่างห่วงใยว่าเป็นอะไรไหม ศรีนวลโวยว่าเป็น หัวใจจะวายแล้วต่อว่าโชเฟอร์ไม่ชนเสียเลย จอดห่างแค่คืบจะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร

“เอ๊า! พูดเหมือนผมผิด ป้าต่างหากที่ผิด ทำไมไม่ไปข้ามทางม้าลาย”

“มันมีให้ข้ามไหมล่ะ พูดไม่คิด” ศรีนวลตอกกลับตามนิสัยคนเจ้าอารมณ์ปากไว

สิริกันยารีบปรามแล้วชวนย่าไปต่อ ท่าทางเธอเหมือนหนีใครมา ณรังค์มองอย่างสงสัยแต่ไม่อยาก
เสียเวลา จึงเดินกลับไปจะขึ้นรถ ทันใดมีชายฉกรรจ์สองสามคนล้งเล้งกำลังข้ามถนนตามมา สิริกันยาหน้าตื่นหาทางหนี ศรีนวลเริ่มกลัวถามหลานจะหนีทางไหนดี หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีตัดสินใจดึงย่าวิ่งตามมาเบียดณรังค์ขึ้นรถไปด้วยแล้วสั่งโชเฟอร์ออกรถ

“กระทืบเลยค่ะพี่! หรือจะให้หนูกระทืบ!” โชเฟอร์เคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ณรังค์นั่งตัวลีบถูกเบียดติดประตูอีกฝั่งอย่างงงๆ ศรีนวลนั่งตัวแข็งถามหลานสาวว่าหนีพ้นหรือยัง สิริกันยา หันมองแล้วถอนใจบอกว่าพ้นแล้ว ณรังค์ตั้งสติซักถามว่าหนีใคร ศรีนวลเล่าสิริกันยารีบปรามแล้วขอให้จอดรถ ณรังค์เห็นว่าตรงนี้ยังไม่ปลอดภัยจึงบอกให้ไปอีกหน่อย

“แต่ฉันไม่อยากรบกวนคุณมากไปกว่านี้ แค่นี้ก็น่าจะโอเคแล้ว”

ณรังค์กับสิริกันยาเถียงกันไปมาจนศรีนวลโวยว่าเถียงข้ามหัว น้ำลายรดหัวตนโครมๆ ทั้งสองชะงัก ชายหนุ่มยกมือไหว้ขอโทษ ศรีนวลเห็นถึงความอ่อนน้อมก็ถูกชะตา

“คุณเป็นใครฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าถ้าไม่ใช่คนดีคงไม่ยอมให้พวกฉันขึ้นรถ งั้นฉันเชื่อคุณ...ยังไม่ต้องจอด
ไปต่ออีกหน่อย”

สิริกันยาไม่แย้งนึกระแวงพวกนั้นจะตามทันอยู่เหมือนกัน ณรังค์รู้สึกเห็นใจสองยายหลาน...พ้นมาระยะหนึ่งจึงให้ทั้งสองลง สิริกันยาไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร ควักเงินสองร้อยส่งให้เป็นค่ารถ ณรังค์ไม่รับ ศรีนวลดึงเงินมาเก็บเสียเองพร้อมบอกหลานสาว เขาไม่เอาก็อย่าเซ้าซี้ แล้วหันไปขอบใจบอกให้เขากลับขึ้นรถ แต่ชายหนุ่มบอกว่า

“ส่งขึ้นรถก่อนครับ เผื่อมีอะไรให้ช่วยอีก”

“โอ๊ย...สมัยนี้ยังมีผู้ชายดีๆอยู่อีกเหรอเนี่ย อย่าใจดีให้มันมากเลยคุณ คนดีตายเร็ว เลวๆบ้างก็ได้จะได้อยู่นานๆ” ศรีนวลซาบซึ้งแต่อดปากเสียไม่ได้

ณรังค์ขำแต่ก็ขอบคุณกลับ สิริกันยาโบกรถแท็กซี่คันใหม่พาย่าขึ้นรถแล้วหันมาตะโกนขอบคุณณรังค์ เขายิ้มนิดๆที่สองยายหลานหนีเจ้าหนี้พ้น นึกสะท้อนใจที่ตัวเองไม่อาจหนี ต้องกลับไปหาเจ้าหนี้ที่ไม่มีทางชดใช้ได้หมด

ooooooo

ประตูวังจงสวัสดิ์มีสัญลักษณ์ราชสกุลตัวย่อ “จส” บ่งบอกถึงความโอ่อ่าในอดีต แต่พอประตูวังเปิดออกกลับเห็นถึงความทรุดโทรมอย่างน่าสะเทือนใจ

ณรังค์ยืนอยู่กับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ใจหายกับภาพที่เห็น คิดย้อนถึงเมื่อสิบปีก่อนตอนอายุ 10 กว่าขวบ ผู้เป็นอาพาตนมาอยู่ที่วังแห่งนี้ ด้วยพ่อแม่เสียชีวิตและบอกว่า

“หม่อมเจ้าแม้นเทพ จงสวัสดิ์ ท่านลุงของณะจะเป็นคนอุปการะณะตั้งแต่วันนี้ อาก็แค่คนขับรถบรรทุก ลูกก็หลายคน ขอโทษที่ให้ณะอยู่กับอาไม่ได้ ส่งแค่นี้นะ ท่านรออยู่ข้างใน เข้าไปสิ” พูดจบอากลับไปปล่อยให้ ณรังค์ยืนมองวังอันโอ่อ่าด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจและหวาดกลัว

เมื่อเข้ามาพบหม่อมเจ้าแม้นเทพ ท่านดูสง่างามมีราศีแต่ดุดันน่าเกรงขาม ท่านเอ่ยถามถึงงานศพพ่อกับแม่ว่าเรียบร้อยแล้วหรือ ณรังค์รับว่าครับ ช้องนางซึ่งเป็นหม่อมท่าทางซีดเซียวเพราะอาการเจ็บป่วยเอ็ดเบาๆ

“ไม่มีใครสั่งใครสอนบ้างหรือไง เวลาท่านรับสั่งด้วย ควรจะใช้ราชาศัพท์กับท่าน”

ขณะที่ณรังค์หน้าเสีย ท่านชายก่นด่า “ลูกของเมียบ่าวในวังท่านอา พ่อมันก็แค่ข้าราชการต๊อกต๋อย เลือดไพร่มันแรงกว่าเลือดเจ้า นี่ถ้าเสด็จพ่อไม่เคยรับสั่งไว้ ฉันก็ไม่อยากจะไปยุ่ง อย่าไปหาความเป็นผู้ดีจากมันเลย”

ประคองซึ่งนั่งอยู่ที่พื้นสะอึกนึกสงสารและเห็นใจ กระซิบบอกณรังค์ให้พูดว่า...กระหม่อม เขาจึงกล่าวตาม แม้นเทพมองอย่างเหยียดและดูแคลนก่อนจะเดินไป ช้องนางร้องทัก

“เพิ่งเสด็จกลับ จะเด็จออกไปไหนอีกเพคะ”

“เดี๋ยวนี้ฉันจะไปไหนมาไหน ต้องคอยรายงานเธอรึ” ท่านชายหยุดเดินหันมาจ้องตาดุ

ช้องนางหลบสายตาอย่างกลัวเกรงไม่กล้าพูดอะไรอีก ณรังค์สังเกตเห็นถึงสายตาที่เจ็บปวดน้อยใจของหม่อม พอมองเลยไปเห็นสาวน้อยวัยเดียวกับตนยืนมองเงียบๆอยู่มุมหนึ่ง สายตาเธอคมกริบบ่งบอกถึงความเป็นผู้มีเชื้อสาย...

คิดถึงเรื่องในอดีตแล้วณรังค์ถอนใจก่อนจะสะดุ้งกับเสียงชามตกแตกดังเพล้ง ดังมาจากข้างบนตึก จึงรีบวิ่งเข้ามายืนกลางห้องโถง

หม่อมเจ้าแม้นเทพสภาพเมามายยืนด่าชื่นสาวใช้ที่ยืนตัวสั่นหน้าห้อง ภายในห้องมีหญิงสาวเซ็กซี่นอนอยู่บนเตียงมองมา ท่านชายสั่งให้ชื่นเอาเหล้ามาให้แต่เธอกลับนำข้าวต้มมาแทน เพราะประคองเป็นคนสั่ง ท่านชายโวยลั่นว่าประคองเป็นขี้ข้า ตนเป็นนายจะเชื่อฟังใคร ประคองเดินหน้าเครียดเข้ามายืนข้างหลังณรังค์ สีหน้าเจ็บปวดกับคำพูดของท่านชาย

ณรังค์หันมาเห็นประคองก็รีบยกมือไหว้อย่างเคารพ “ไม่แปลกใจเลยที่แม่ส่งข่าวไปบอกว่า โรงแรมกำลังจะเจ๊งเพราะหนี้ท่วมหัว ก็เล่นเมาแต่หัววัน...”

“ณะ! อย่าพูดถึงท่านในทางไม่ดี ท่านมีบุญคุณท่วมหัว แม่เคยสอนณะมาตลอด เรามีหน้าที่ตอบแทนท่าน อย่าอกตัญญูเดี๋ยวจะไม่เจริญ ลืมแล้วหรือไง”

“ไม่เคยลืมครับ ขอโทษครับแม่คอง”

“เป็นเพราะเศรษฐกิจประเทศไม่ดี ใครๆก็แย่กันทั้งนั้น อย่าโทษท่านเลย” แม้จะเป็นความจริงแต่ประคองก็พยายามหลอกตัวเองเพราะความจงรักภักดีต่อท่านชาย

ณรังค์เห็นประคองจะขึ้นไปข้างบนจึงตามไปด้วยเผื่อมีอะไรให้ช่วย แต่ประคองดักคอ

“คงไม่ใช่เพราะอยากจะเจอหน้าคุณหญิงปฐวี เร็วๆหรอกนะ”

ณรังค์หน้าเสียเอื้อนเอ่ย “ผมลืมเรื่องทุกอย่างไปหมดแล้วครับ”

“ดีแล้ว ยอมเจ็บแค่ครั้งเดียว จะได้ไม่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”

ณรังค์ก้มหน้าเดินตามผู้มีพระคุณที่ตนเรียกว่าแม่ ในขณะเดียวกันคุณหญิงปฐวีกำลังแต่งหน้าอยู่หน้า
กระจกในห้องนอน ฮัมเพลงที่คุ้นเคยและมักจะฮัมจนติดปากโดยไม่ได้นึกว่ามันมีความหมายในอดีต เสียงเอ็ดตะโรของท่านพ่อดังเข้ามา เธอไม่ได้รู้สึกตกใจแต่อย่างใด แม้นเทพกราดเกรี้ยวสั่งชื่นไปเอาเหล้า ประคองเดินขึ้นมาบอกชื่นให้ทำตามที่ท่านสั่ง ท่านชายปรายตามองเห็นณรังค์ก็ชะงัก ประคองให้ณรังค์เข้าไปกราบ เขาจึงเข้าไปก้มกราบแทบเท้า แม้นเทพชักเท้าหลบอย่างรังเกียจ กลับเข้าห้องปิดประตูโครมใส่

ณรังค์สะเทือนใจหันไปช่วยประคองเก็บเศษชามที่แตก ประคองซาบซึ้งบอกเขาว่าจะให้เด็กยกกระเป๋าเขาไปที่เรือนเล็กให้เขานอนที่เดิม ชายหนุ่มแค่นยิ้ม

รู้แก่ใจว่านั่นเป็นที่ที่ตนควรอยู่ ทันใดเสียงฮัมเพลงของปฐวีดังออกมา ณรังค์ชะงักมองไปยังประตูห้อง ตัดใจเดินกลับลงไปแต่รู้สึกเหมือนมีคนมองตาม

เบื้องหลังบานประตู ปฐวีในชุดออกงานหรูยืนพิงครุ่นคิดถึงอดีตที่ผ่านมากับณรังค์ ทั้งสองมีความรักต่อกันแบบเด็กหนุ่มหญิงสาวที่โหยหาความรักความสนใจ เพราะต่างก็ขาดความรักจากพ่อแม่ ทั้งสองยืนจับมือกันริมน้ำมองสายน้ำไหลผ่านฮัมเพลงที่ทั้งสองชื่นชอบ

ปฐวีถามณรังค์ว่ารักตนไหม เด็กหนุ่มรับคำแต่หวาดหวั่นเกรงท่านชายทราบเรื่องแล้วต้องทรงกริ้วเพราะตนเป็นเพียงเด็กในบ้านไม่คู่ควร ด้วยความหลงไม่คิดหน้าคิดหลัง ปฐวีคาดคั้นถามณรังค์ ถ้าท่านพ่อทราบเรื่องแล้วแยกเราออกจากกัน เขาจะยังรักตนไหม เด็กหนุ่มยืนยันว่าจะรักเธอเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

“แค่นี้แหละที่หญิงอยากได้ยิน ขอให้ณะรักหญิงเท่านั้น”

ไม่นานหลังจากที่ช้องนางเสีย ความรักของทั้งสองก็ล่วงรู้ถึงหูแม้นเทพ ท่านชายโกรธจัดด่าว่าณรังค์ว่าเนรคุณ กินบนเรือนขี้บนหลังคา เฉดหัวเขาออกจากวัง ปฐวีเถียงแทนคนรัก

“หม่อมแม่ตายเพราะท่านพ่อ ยังไม่พอใจอีกเหรอเพคะ จะพรากคนที่รักหญิงไปอีกคนหรือไง...หญิงจะไปหาณะ”

แม้นเทพโกรธตบหน้าลูกสาวอย่างแรง ด่าว่าใฝ่ต่ำและสั่งบ่าวให้จับเธอไปขังในห้อง ปฐวีดิ้นรนร่ำไห้พอได้ยินคำด่าว่าของท่านพ่อว่าใครสั่งสอนให้ใฝ่ต่ำ ก็สวนทันควัน

“ท่านพ่อไงเพคะ! เอานังต้นห้องหม่อมแม่มาเป็นเมียจนออกลูกมาประจานความมักมาก”

ประคองสะดุ้งโผกอดละมุลลูกสาวแน่น ท่านชายสั่งให้ปฐวีหยุดพูด แต่เธอไม่ยอม

“ไม่หยุด! ออกไปมั่วผู้หญิงข้างนอกไม่เลือกอีก จนหม่อมแม่ต้องตรอมใจตาย...ใครเป็นตัวอย่างต่ำๆ
ให้หญิง...ใคร!”

ท่านชายโกรธจัดเงื้อมือจะตบลูกสาวอีก ณรังค์เข้าขวางขอร้องอย่าทำอะไรเธออีก แล้วพร้อมรับโทษเพียงคนเดียว แม้นเทพยิ่งโกรธประกาศกร้าวจะฆ่าเขาแทนแล้วพุ่งเข้าตบหน้าทุบตีไม่ยั้ง ด่าว่าเขาสถุลเนรคุณ หาว่าเป็นคนเสี้ยมให้ปฐวีเถียงตนแบบนี้ ประคองกับปฐวีร้องห้ามเสียงหลง พวกบ่าวกันคุณหญิงไว้ ประคองเข้ากัน ณรังค์ยกมือไหว้ขอร้อง

อ่านละครเรื่อง สายธารหัวใจ ตอนที่ 1 วันที่ 17 ต.ค.60

ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทประพันธ์โดย วาสนา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ บทโทรทัศน์โดย คนเขียนเงา
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ กำกับการแสดงโดย ชนะ คราประยูร
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ผลิตโดย บริษัท เมคเกอร์ กรุ๊ป จำกัด
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ควบคุมการผลิตโดย ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช
ละครเรื่อง สายธารหัวใจ ออกอากาศทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.15 น. ทางช่อง 33 HD
ที่มา ไทยรัฐ