อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 2/4 วันที่ 16 เม.ย. 57

อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 2/4 วันที่ 16 เม.ย. 57

ในห้องลั่นทม อุษาประคองลั่นทมไปร้องไห้ไป
“ถ้าคุณน้าเป็นอะไรไป บ้านนี้ใครจะดูแล ไหนจะโรงงานอีกล่ะคะ..คุณน้าสร้างมันมากับมือ...จะทิ้งมันไปได้ยังไง ษาก็คงต้องตายตามคุณน้าไปด้วย...”

หน้าของลั่นทม มีน้ำตาคลอที่หางตา ไหลย้อยมาทางขมับ เสียงลั่นทมไม่มีใครได้ยิน
“น้ายังไม่อยากตาย ช่วยน้าด้วย...”
ชีพ หวาน และรสสุคนธ์เข้ามา ชีพถลาไปหาลั่นทม
“เป็นยังไงบ้างอุษา”
“คุณน้ายังไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ”
หวานเข้าบีบนวดที่แขนและชีพจร รสสุคนธ์ยืนมองอยู่มุมหนึ่ง มีแววยิ้มเยาะอย่างเห็นได้ชัด แต่พยายามสะกดไว้ไม่ให้ใครเห็น ลั่นทมมองไปทางรสสุคนธ์ เห็นรอยยิ้มของรสสุคนธ์


“ทม...คุณอย่าเป็นอะไรนะ...ถ้าไม่มีคุณ ผมก็คงอยู่ไม่ได้...”
‘ชีพคะ ทมดีใจที่ได้ยินคำนี้จากปากคุณ...ทมรักคุณค่ะ ทมยังไม่อยากตาย...ช่วยทมด้วยนะคะ’
อุษาน้ำตานองหน้า “คุณน้าเข้มแข็งสิคะ...อย่าให้เขาเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณน้ารักไปได้ คุณน้ารับปากษาแล้วไงว่าจะต่อสู้จนถึงที่สุด”
รสสุคนธ์เบ้ปาก
‘ใช่...น้าต้องสู้ น้าจะตายไม่ได้ อึ๊บ...อึ๊บ’ ลั่นทมลืมตาขึ้น มือที่ไร้แรงบีบเข้ากับมือของหวาน
“ว้าย...คุณผู้หญิงรู้สึกตัวแล้วค่ะ...”
ชีพผวาเข้าไปหาดีใจ “ทม คุณรู้สึกตัวแล้ว...ผมดีใจ”
ชีพคว้ามือของลั่นทมมาจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า...รสสุคนธ์ทนดูไม่ได้ เลี่ยงออกมา หวานเห็นด้านหลังของรสสุคนธ์เดินออกไป
“เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว...ให้คุณหมอตรวจดูอาการสักหน่อยนะคะคุณผู้หญิง...”
ลั่นทมพยักหน้าช้าๆ ดวงตามีแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“ต่อไปคุณต้องระวังไว้ให้มาก อย่าเครียดกับอะไรทั่งนั้น เนี่ย เป็นเพราะบัญชีต้นทุนของอุษาใช่มั้ยที่ทำให้คุณเป็นอย่างนี้”
อุษาไม่ค่อยพอใจ รีบพูด
“โรงงานของเรายังมีกำไรมากอยู่ ษาทำบัญชีทุกอย่างตามความจริงค่ะน้าชีพ”
“น้าก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย...”
สวาทเข้ามา “คุณหมอพินิจมาแล้วค่ะ”
หมอพินิจเข้ามา“ผมขอตรวจคนไข้ก่อนนะครับ ขอเชิญคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปข้างนอกก่อน...”
หวานจะออกไป “หวานอยู่กับฉัน...อุษาด้วย...คนอื่นออกไป”
ชีพมองหน้าลั่นทม “คนอื่น...”
ลั่นทมพยักหน้า ชีพออกไปสีหน้าไม่ดี หมอพินิจเข้ามานั่งใกล้ๆ หยิบหูฟังออกมา

ชีพกระแทกตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องโถง “ฮึ...คนอื่น...”
รสสุคนธ์ยืนกอดอกอยู่มุมหนึ่ง เดินมานั่งใกล้ๆ ชีพกระเถิบออก
“เดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก”
“ก็ช่างมันสิ...รสบอกตรงๆ นะว่าเมียคุณไม่ได้เป็นอะไรหรอก...นอกจากโรคสำออยผัว”
“รส ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ”
“ก็ไม่เห็นเหรอ พอคุณบอกว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้ามัน... เอ๊ย...เขาต้องตายไป...คนอื่นๆ ก็พากันคร่ำครวญถึงคุณงามความดีที่สั่งสมไว้จนท่วมหัว..เลยรู้สึกตัวขึ้นมาทันที...ทุเรศ แบบนี้ไม่เรียกว่าโรคสำออยแล้วจะให้เรียกว่าอะไร...”
ชีพส่ายหน้า “ถึงยังไง ฉันก็ไม่อยากให้เธอพูดแบบนี้ ถ้าใครมาได้ยินเข้ามันไม่ดี...”
“รสพูดความจริง ถ้าจะเข้าใจอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้...เขาตั้งใจทรมานคุณ...ไม่ใช่สิ ทรมานเราต่างหาก...ทำเป็นป่วย แต่ความจริงตรวจสอบคุณทุกอย่าง เงินทองก็ยังควบคุม นี่คงสำออยอยากให้คุณทำกำไรมากกว่านี้สิ ถึงแกล้งตาย...รสบอกตรงๆนะคะ เห็นคุณทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด...แล้วสงสาร”
ชีพนิ่งอึ้ง รสชำเลืองดู
“ไปนอนดีกว่า...รสพูดมากไปแล้ว นี่มันเรื่องครอบครัวคนอื่นชัดๆ ถ้าเป็นครอบครัวของเรา รสจะไม่มีวันทำร้ายคุณอย่างนี้เลย...”
รสสุคนธ์เดินไป ชีพนิ่งอึ้ง อดคิดคล้อยตามไม่ได้
ในห้องลั่นทม หมอพินิจกำลังเก็บอุปกรณ์แล้วบอกลั่นทม
“กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง คุณลั่นทมไม่ค่อยทานยาตามที่ให้ไปหรือครับ”
“ต่อไปฉันจะพยายามไม่ให้ขาด....หมอคะ ฉันจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้มั้ย...ยังไงก็ขอให้ฉันทำพินัยกรรมให้เสร็จก่อน”
“ถ้าดูแลตัวเองดีๆ ก็ไม่น่ามีปัญหา แต่หมออยากเตือนว่าอย่าเครียดและอย่าอยู่ในที่ที่ไม่มีอากาศ อึดอัดหรือสถานการณ์ที่ตื่นเต้นจนเกินไป...”
“ค่ะคุณหมอ...ขอบคุณคุณหมอมาก...อุษาไปส่งคุณหมอด้วยนะ...หวานห่มผ้าให้ฉันที...”
อุษาเดินตามหมอพินิจออกไป ลั่นทมเอนกายลงนอน หวานห่มผ้า
“พรุ่งนี้ตามคุณทนายมาพบฉันด้วย...”
หวานนิ่งอึ้ง รับคำ “ค่ะคุณผู้หญิง...”
หวานห่มผ้าเสร็จแล้ว แต่ยืนนิ่ง เหมือนจะพูดดีหรือไม่ดี
“มีอะไรเหรอแม่หวาน...”
“เรื่องทำบุญบ้านน่ะค่ะ...”
ลั่นทมยิ้มบางๆ “ฉันเห็นด้วย ดำเนินการได้เลย บอกหมอผันมาเป็นแม่งาน นิมนต์พระให้ด้วย...”
หวานยิ้มกว้างดีใจ “ค่ะ”

ที่ห้องของหวานหวานเข้ามาก็เห็นรสสุคนธ์นอนแล้ว ตะแคงหันหลังให้ หวานขึ้นเตียง รสสุคนธ์ก็พูดโดยไม่หันมา
“อยู่พยาบาลกันจนป่านนี้ น้าหวานเป็นหมอกับเขาด้วยรึไง”
“เอ๊ะนังนี่ เจ้านายเจ็บป่วย จะให้ข้าดูดายได้ไงล่ะวะ ข้าไม่ใช่เอ็งนี่...”
รสสุคนธ์ผุดลุกขึ้นนั่ง “ฉันก็แค่สงสารน้าที่จะต้องอดหลับอดนอนไปดูแลเขาก็เท่านั้น...นี่น้าไม่เห็นความดีของฉันบ้างเลยเหรอ”
“เขาเป็นเจ้าเป็นนายเรา...แค่นี่จะเป็นไรไป คุณผู้หญิงเธอน่าสงสาร ท่านเป็นอะไร ข้าก็เล่าให้เอ็งฟังหมดแล้วนี่...เอ็งก็น่าจะสงสารท่านบ้าง...มีอะไรพอช่วยได้ ก็ช่วยกันไป”
รสสุคนธ์หัวเราะ“ฉันช่วยอยู่แล้ว น้าไม่ต้องห่วงหรอก...ถึงไม่ได้ช่วยคุณผู้หญิงโดยตรง ฉันก็ช่วยคนข้างตัวของท่าน”
“ผีเจาะปากให้เอ็งพูดหรือไงวะนังรส...”
รสสุคนธ์หัวเราะแล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้หวาน หวานถอนใจ มองรสสุคนธ์ส่ายหน้าเอือมระอา
ในครัว ทุกคนกำลังสาละวนกับการเตรียมของถวายพระ รสสุคนธ์เข้ามาเห็นอาหารที่จัดแต่งไว้แล้วดูน่ากิน ก็หยิบใส่ปาก
“หยุดนะ นั่นนะของถวายพระ หยิบกินก่อนระวังตายไปจะกลายเป็นเปรต”
“น้าเคยเห็นเหรอ หน้าตามันเป็นยังไง คล้ายน้าหวาดรึเปล่า”
สวาทโมโหเลือดขึ้นหน้า “นังรส...ตายแน่วันนี้..” สวาทยกของจะทุ่มใส่ ยาใจกับจิ้มลิ้มถอยกรูด หวานรีบห้าม “ขอเถอะแม่หวาด วันนี้วันมงคล อย่าทำให้คุณผู้หญิงเสียใจเลย...รสสุคนธ์ ถ้าอยาก
กินก็ทำเอง ของพวกนี้เขาเตรียมไว้ถวายพระ...”
รสสุคนธ์ยักไหล่เดินออกไป จิ้มลิ้มกับยาใจซุบซิบกัน
“ฉันกลัวจังเลยยาใจ”
“กลัวไร จิ้มลิ้ม”
“เกิดตบกันขึ้นมาในงานจะว่ายังไง”
“ใครตบใคร...”
หวานกระแอมเสียงดัง ยาใจกับจิ้มลิ้มสะดุ้งหันมาก็เห็นหวานจ้องหน้าอยู่ สวาทก็มองมาที่ทั้งสองเช่นกัน
“ฉันก็คิดเหมือนนังยาใจกับนังจิ้มลิ้มแหละ...อยากรู้เหมือนกันว่าแม่หวานจะเข้าข้างใคร”
“เห็นฉันเป็นคนยังไงเหรอสวาท...”
“เปล่า ฉันก็แค่ถามดู...”
หวานนิ่งอึ้งแล้วหันหลังทำงานต่อ ทั้งสามคนเลยเก้อๆ ไป

หน้าบ้านลั่นทม รถของธารินทร์แล่นเข้ามาในบ้าน อุษายืนต้อนรับอยู่ รสสุคนธ์ยืนแอบมองอยู่ ธารินทร์ลงจากรถมาพร้อมกับหมอผันและต้อยติ่ง อุษายกมือไหว้ ต้อยติ่งไหว้อุษาแล้วกอดอุษาไว้
“บ้านพี่อุษาใหญ่จัง...”
“ขนมก็เยอะด้วย...”
หมอผันมองดูไปรอบๆ เหมือนกำหนดจิตถึงเจ้าที่เจ้าทาง
“พระยังไม่มาใช่มั้ย...”
“ให้น้าฉ่ำไปรับพระค่ะรินทร์...เข้าบ้านก่อนสิ...”
ชีพออกมา ธารินทร์ไหว้ชีพ ชีพรับไหว้อย่างงงๆ มองดูหมอผันกับต้อยติ่ง สงสัยว่ามาทำไม
“หมอผัน คุณพ่อของรินทร์ค่ะน้าชีพ ส่วนนี่ก็หนูต้อยติ่งค่ะ”
ต้อยติ่งไหว้ชีพแต่ชีพไม่สนใจ
“คุณลั่นทมให้คุณพ่อมาช่วยเรื่องพิธีการวันนี้น่ะครับ...”
“กะอีแค่เลี้ยงพระ ทำให้ยุ่งยากวุ่นวายกันไปได้...”
ทุกคนอึ้งไป อุษารีบแก้สถานการณ์
“เข้าบ้านดีกว่าค่ะ หมอผันจะได้ช่วยดูด้วยว่าจัดที่จัดทางถูกหรือเปล่า...”
“จริงด้วย...ไป พ่อ...”
หมอผันเดินไป อดชำเลืองมาทางชีพไม่ได้ ทั้งหมดเข้าไปในบ้าน รสสุคนธ์เดินมาหาชีพ เหลียวมองดูไม่เห็นมีใคร ก็กอดเอว
“ไม่เอาน่ารสสุคนธ์...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า...วันนี้คนยิ่งเยอะอยู่”
รสสุคนธ์คลายมือออก แล้วออกห่าง
“นี่ขนาดเพิ่งเป็นแฟนกันก็ขนญาติมาเต็มบ้านแล้ว ต่อไปคงย้ายมาอยู่กันหมด...กลายเป็นสถานสงเคราะห์...คุณชีพอย่าไปยอมนะคะ...ถ้ายอมก็เท่ากับยกบ้านนี้ให้คุณอุษา...”
ชีพมองหน้ารสสุคนธ์ เห็นด้วย “ไม่มีทางหรอก...”
ชีพเดินกลับเข้าไปข้างใน รสสุคนธ์อมยิ้มสะใจเล็กๆ

ในห้องจัดเลี้ยงพระ พระทั้ง 9 รูปสวดมนต์เสร็จพอดี ทุกคนนั่งพนมมืออยู่ หมอผันหันมาทางสวาท
“อาหารถวายพระลำเลียงเข้ามาเลย...”
จากนั้นหมอผันหันไปทางพระ “นิมนต์เลยครับ สองวง...ทางนี้ครับ...”
ยาใจ จิ้มลิ้มและสวาท ลุกขึ้น
“วิเวก สมพรมาช่วยกันยกอาหาร...” สวาทเรียก หวานทำท่าจะลุก สวาทห้ามไว้ “แม่หวานอยู่ดูแลทางนี้แหละจ้ะ ไม่ต้องไป...”
ทั้งหมดออกไป หวานกระซิบบอกรสสุคนธ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ “ไปช่วยเค้าในครัวสิ...”
รสสุคนธ์เบ้ปาก มองไปที่ชีพที่นั่งเคียงข้างลั่นทมซึ่งแต่งตัวสวยอยู่ ลั่นทมกับชีพช่วยกันประเคนของถวายพระ รสสุคนธ์มองภาพความหวานชื่นนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วลุกออกไป สวาท ยาใจและจิ้มลิ้มพากันมองตามไป หวานก้มหน้าละอายใจ
“อาหารหวานก็เตรียมให้พร้อมเลยนะ...” หมอผันเตือน
“ดอกไม้ถวายพระจัดเตรียมแล้วใช่มั้ยแม่หวาน”
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณอุษา...”
“ขอบใจจ้ะแม่หวาน”

รสสุคนธ์ออกมายืนรับลมที่หน้าบ้าน
“เชอะ...ทำยังกะจะรักกันไปจนวันตายแน่ะ...ทุเรศ...”
หวานตามออกมา “นึกว่าไปช่วยเขาในครัวซะอีก”
“งานแบบนั้น...ไม่ใช่งานของฉันนี่น้าหวาน”
“ต้องงานแย่งผัวชาวบ้านเขาใช่มั้ยถึงใช่งานของแกนังรส..”
“ก็แล้วแต่น้าจะคิด...”
บรรจงเดินเข้ามา ท่าทางไม่มั่นใจ รสสุคนธ์เห็นก็ถอยหลังกรูด ตกใจ
“พี่จง...มาได้ยังไงกันเนี่ย...”
“ข้าโทรไปตามมันที่บ้านเองแหละ...”
รสสุคนธ์ไม่ชอบใจขึ้นมาทันที “มันกงการอะไรของน้า...ยุ่งวุ่นวายอะไรกับฉันนักหนา...”
บรรจงมาถึงพอดี “รส...ไม่คิดเลยว่ารสจะอยู่บ้านใหญ่โตยังงี้..”
“กลับไปซะพี่จง...ก่อนที่ฉันจะให้คนมาลากคอพี่ไปส่งตำรวจข้อหาบุกรุกบ้านฉัน”
“บ้านฉัน...ข้าฟังไม่ผิดใช่มั้ยนังรส...” หวานอึ้ง
รสสุคนธ์มองหวาน “ไม่ผิดหรอกน้า...น้าก็รู้ว่าฉันเป็นเมียของเจ้าของบ้านนี้ ฉันมีแฟนใหม่แล้วพี่จง...กลับไปซะ...ไปสิ...”
“ไม่จริง รสโกหกพี่ใช่มั้ย...รส ให้โอกาสพี่บ้างนะ...พี่ยอมทุกอย่างเลย รสต้องการอะไรก็บอกพี่มาเถอะ”
บรรจงเดินเข้าใกล้ รสสุคนธ์ถอยห่างดึงหวานให้ตามตัวเองมาด้วย...
“อย่าเข้ามานะ...ไม่งั้นพี่เจ็บตัวแน่ กลับไป”
“ไม่...”
ชีพออกมาจากข้างใน รสสุคนธ์หันไปเห็นพอดี ก็ผลักหวานล้มไป ตัวเองก็ล้มไปด้วย บรรจงผงะ
“กรี๊ด ช่วยด้วย...ๆๆๆ ขโมย...ๆๆๆ”
บรรจงตะลึง ชีพวิ่งมาพอดี ชี้หน้าไปที่บรรจง “ไอ้เวก ไอ้พร จับมัน...”
วิเวกกับสมพรวิ่งออกมาจากในบ้าน บรรจงวิ่งหนีอย่างเร็ว รสสุคนธ์ร้องไห้โฮๆ กุมแก้ม หวานตะลึง ชีพเข้ามาหา

อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 2/4 วันที่ 16 เม.ย. 57

ละครเรื่อง สุสานคนเป็นบท ประพันธ์โดย ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น บทโทรทัศน์โดย ภาคย์รพี
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นกำกับการแสดงโดย อนุวัฒน์ ถนอมรอด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น ละครแนว ดราม่า รี้ลับ อาถรรพ์ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นผลิตโดย บริษัท กันตนา มูฟวี่ ทาวน์ (2002) จำกัด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นออกอากาศ ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ เร็วๆ นี้