อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 1/6 วันที่ 15 เม.ย. 57

อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 1/6 วันที่ 15 เม.ย. 57

“คุณสายสมรช่วยแนะนำพนักงานใหม่ด้วยนะให้ฝึกงานไปสักพักหนึ่งแล้วบรรจุเข้าที่ฝ่ายตรวจสอบภายใน”
“ที่ประกาศรับตำแหน่งนี้ต้องจบอย่างน้อยปริญญาตรี แล้วก็ต้องมีประสบการณ์นะคะหัวหน้า”
ชีพมองหน้าสายสมร “บอกให้ทำอะไรก็ทำตามที่บอก...”

แล้วชีพก็เดินไป รสสุคนธ์ยิ้มอย่างผู้ชนะ
“เชิญทางนี้ค่ะ...”
ทั้งสองเดินไป ผ่านพนักงานตัดเย็บที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน


“ชื่ออะไร”
“รสสุคนธ์...”
“จบอะไรมา...เคยทำงานมาก่อนหรือเปล่า”
รสสุคนธ์หยุดเดิน แล้วมองหน้าสายสมร
“จะถามทำไม...ไม่เห็นเหรอว่าใครฝากฉันเข้ามาทำงานที่นี่”
“ขอโทษค่ะ ฉันเป็นฝ่ายบุคคล จำเป็นต้องทราบ...เชิญทางนี้ค่ะ...”
สายสมรเดินไป รสสุคนธ์หงุดหงิด เดินตามไป

ที่ห้องทำงานของชีพ อุษานั่งทำงานอยู่ ชีพเดินมาแต่หันไปมองพนักงานอื่น กลัวได้ยิน
“น้าชีพมีอะไรหรือคะ”
“น้าจะมาขอโทษเรื่องที่...เอ้อ...เมื่อคืน น้าพูดจารุนแรงไปหน่อยน่ะ”
“ช่างเถอะค่ะ...คุณน้าลั่นทมปลอดภัย ษาก็ดีใจแล้ว...”
“ไม่โกรธน้าแน่นะ...”
อุษามองสบตาชีพ “ษาไม่มีสิทธิ์โกรธน้าชีพหรอกค่ะ”
“งั้นกลางวันไปทานข้าวกันสักมื้อ...ถ้าเงียบ น้าถือว่าษาตกลง”
ชีพเดินไป อุษานิ่งอึ้ง

ที่แผนกตัดเย็บ สายสมรนั่งลงเย็บจักรให้รสสุคนธ์ดู
“ไม่เห็นยากเลย...เธอก็ทำได้ ทำไปก่อนนะ มีตำแหน่งว่างเมื่อไหร่ค่อยย้ายไป”
“เมื่อไหร่ล่ะ”
“ฉันก็ยังตอบไม่ได้ จะไล่คนเก่าออก ก็คงไม่ใช่เรื่องมังคะ”
“ก็ไหนว่าแผนกนี้คนขาด...”
“ไว้ฉันจะปรึกษาผู้ใหญ่ดูอีกที...เชิญค่ะคุณรสสุคนธ์...”

รสสุคนธ์มองจักรแล้วก็มองคนงานที่คร่ำเคร่งเย็บจักรอยู่รอบๆ สีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก พลันสายตารสสุคนธ์มองเห็นชีพเดินไปกับอุษา
“ฉันไม่ทำได้มั้ย...”
“ใบสมัครยังไม่ได้เขียน จะเขียนใบลาออกเลยหรือคะ”
รสสุคนธ์ถอนใจแล้วก็นั่งทำงาน สายสมรยืนดู เห็นรสสุคนธ์ทำได้
“คุณทำได้ดีเชียวค่ะ”
สายสมรเดินไป รสสุคนธ์หงุดหงิด

อุษาและชีพนั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ษามีเวลาไม่มากค่ะน้าชีพ ษาอยากกลับไปทำบัญชีต้นทุนให้เสร็จ คุณน้าลั่นทมเร่งมาก”
“ทำไมต้องเร่ง...”
“ษาก็ไม่ทราบค่ะ...”
“ความจริงน้าอยากพาษาไปทานอะไรดีๆ แพงๆ และก็อร่อย”
“ไว้น้าชีพพาคุณน้าลั่นทมไปสิคะ...คุณน้าลั่นทมคงชอบ...”
ชีพอึ้งไป

ที่โรงอาหารของโรงงาน รสสุคนธ์เปิดกล่องข้าวออกดู เห็นเป็นข้าวมีกับข้าวราดอยู่ข้างบน
“เย็นชืดยังงี้ใครจะกินเข้าไปลง...น้าหวานนะ...บ้าจริงๆ”
รสสุคนธ์จำใจกินข้าว แต่กินไม่กี่คำก็วางช้อน

ที่ร้านอาหาร อุษาวางช้อนลง
“อิ่มแล้วเหรอ”
“ค่ะ...ถ้าน้าชีพยังไม่อิ่ม เชิญตามสบายค่ะ...” อุษาดื่มน้ำ
“บัญชีนี่สำคัญยังไงนะ...”
“น้าชีพอยากทราบก็ต้องถามคุณน้าลั่นทมค่ะ...ษาทราบแต่ว่า คุณน้าลั่นทมอยากเห็นมาก...คุณน้าเป็นห่วงงานทุกอย่าง ถึงไม่ได้มาทำงานที่นี่ เพราะปัญหาสุขภาพ แต่ก็อ่านรายงานการประชุมทุกฉบับ...ถ้าใครคิดไม่ซื่อต่อท่านหรือโรงงานไม่มีวันรอดสายตาท่านไปได้หรอกค่ะ...”
ชีพนิ่งมองหน้าอุษาแล้วยักไหล่
“เคร่งเครียดยังงี้สิถึงป่วย ษาต้องร่วมมือกับน้า ต้องพูดให้น้าลั่นทมเข้าใจว่าต้องรู้จักปล่อยวางซะบ้าง...”
“น้าชีพน่าจะทำได้ดีกว่าษานะคะ...”
ชีพนิ่งไป อุษามองออกไปข้างนอก รู้สึกอึดอัด
เย็นวันนั้น ชีพขับรถกลับบ้าน มีรสสุคนธ์นั่งที่เบาะหลังเหมือนเคย
“ทำงานเป็นยังไงมั่งวันนี้”
“ก็ไม่มีอะไรยากนี่คะ รสทำได้ค่ะ...”
“แน่เหรอ...อืม ฉันดีใจที่เธอชอบ”
“รสไม่ได้บอกว่าชอบหรือมีความสุข บอกแค่ว่าทำได้”
“งั้นก็แสดงว่าไม่ชอบ...แล้วก็ไม่มีความสุข...”
รสสุคนธ์ยิ้มบางๆ “ดอกไม้สวยแล้วก็หอมอย่างรสฯ ควรทำงานแบบนั้นหรือเปล่าล่ะคะ...”
รสสุคนธ์เล่นตากับชีพในกระจกมองหลัง ชีพยิ้มมุมปาก ดวงตาวิบวับแบบคนเจ้าชู้

วิเวกเปิดประตูให้รถของชีพแล่นผ่านเข้าบ้าน เห็นรสสุคนธ์นั่งหน้าเชิดอยู่เบาะหลัง
“แม่เจ้าโว้ย...”
รถจอดที่หน้าบ้าน สวาท ยาใจและจิ้มลิ้มแอบดูอยู่
“ยาใจ แกรู้สึกอะไรมั้ย...”
“ถ้าเป็นคางคกแล้วได้นั่งวอคันเป็นล้านก็น่าเป็นว่ะนังจิ้มลิ้ม”
“ข้าชักไม่ค่อยไว้ใจหลานแม่หวานแล้วละสิ...ดูหน้ามันสิ”
ฉ่ำรีบวิ่งมารับกระเป๋าเอกสารจากชีพ รสสุคนธ์ยกมือไหว้
“ขอบคุณคุณชีพมากค่ะ”
“ไม่เป็นไร...พรุ่งนี้เธอก็ติดรถฉันไปเหมือนวันนี้...”
รสสุคนธ์ยิ้มอายๆ ฉ่ำมองแล้วก็กลืนน้ำลาย อึ้งๆ ไป ชีพเดินเข้าไปในบ้าน ฉ่ำตามไปติดๆ รสสุคนธ์ยังยืนมองตามเข้าไปข้างใน หวานบิดหูเบาๆ
“ยืนอยู่ทำไม ไปช่วยงานในครัว...”
รสสุคนธ์เบี่ยงตัวหันมา
“ฉันเพิ่งมาถึง เหนื่อยสายตัวแทบขาด ยังจะให้ฉันไปทำงานในครัวอีกเหรอ...”
กลุ่มของสวาทแตกฮือ รีบหลบเข้าไปในครัว...
“เออ มีอะไรก็ต้องช่วยกัน ไม่เคยได้ยินเหรอ โบราณเขาว่า อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น...”
“ท่านมีลูกซะทีไหนล่ะ แบบนี้ต้องหาลูกให้ท่านแล้วละ น้าหวานจะได้ปั้นวัวปั้นควายสมใจ..”
รสสุคนธ์เดินไป หวานยืนอึ้งไปทันที
สวาท ยาใจและ จิ้มลิ้มยืนคุยกันในครัว
“นี่แค่วันแรกนะโว้ย...วันต่อๆ ไปจะเป็นยังไงมั่ง”
“ฉันทายนะว่า...หลานแม่หวานจะต้อง..”
หวานเดินเข้ามา ยาใจอ้าปากค้าง รีบกลบเกลื่อน
“เข้ามาช่วยงานเราในครัว...จริงมั้ยพวกเรา...”
สวาทกับจิ้มลิ้มขานรับพร้อมกัน
“อยู่แล้ว...หลานแม่หวานก็ต้องขยันเหมือนแม่หวานสิ”
“อุ๊ย อบรมกันมาดีหลายชั่วอายุคน...”
“วันนี้ทำอะไรให้คุณผู้หญิง...”
“สลัดปลาทูน่าสำหรับคุณผู้หญิง ส่วนคุณผู้ชายก็กับแกล้ม ถั่วทอดกรอบๆ แล้วก็สเต็กเนื้อลูกวัว...รสชาติหวานหอม คุณผู้ชายคงอยากหั่นพอคำแล้วก็เอาเข้าปาก...เคี้ยวๆๆๆ”
หวานมองหน้าสวาทเหมือนไม่รู้ทัน
“คุณผู้หญิงไม่ทานเนื้อวัว แล้วก็สั่งไม่ให้ซื้อมาตั้งนานแล้วไม่รู้จักจำ...เมื่อเช้าก็เอาสมองหมูใส่บาตรแล้วทำไม แกไม่ฉลาดขึ้นเลย...”
หวานเดินออกไป สวาท ยาใจและจิ้มลิ้มปิดปากหัวเราะกัน

ในห้องหวาน รสสุคนธ์อาบน้ำแล้ว แต่งตัวใส่กางเกงขาสั้น นั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทาโลชั่นอย่างสบายอารมณ์ หวานเดินเข้ามา
“ไหนว่าจะออกไปช่วยงานในครัวไง”
“ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จนี่น้าหวาน” รสสุคนธ์ยังคงทาโลชั่นต่อ
“จะสวยไปถึงไหนกัน ยังไงก็เป็นขี้ข้าเขาหรือไม่ก็สาวโรงงาน สวยไปก็ไม่มีประโยชน์”
“เหรอ..” รสสุคนธ์ลากเสียงยาว “นั่นมันน้าหวาน ไม่ใช่ฉัน...”
“หมายความว่ายังไง...หานังรส...แกคิดอะไรอยู่”
รสสุคนธ์ลอยหน้าตอบอย่างไม่แคร์ “เปล่า...น้ากำลังจะบอกอะไรฉันเนี่ย”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกไม่ต้องติดรถคุณผู้ชายไปทำงาน สองแถวหน้าบ้านไปถึงโรงงานทุกคัน....เสร็จแล้วก็ออกไปช่วยงานในครัว หรือไม่ก็ไปรดน้ำต้นไม้...”
หวานเดินออกไป
“รดน้ำต้นไม้...ช่วยงานในครัว...ฮึ”
รสสุคนธ์หัวเราะในลำคอ ยักไหล่ ทาโลชั่นต่อไป
ในครัวหวานเดินเข้ามา ยาใจกับจิ้มลิ้มช่วยกันตกแต่งจานยำจนสวยงาม
“เสร็จแล้ว แกก็ยกไปเสิร์ฟ นังยาใจ..”
“น้าหวาดไปเถอะ มือฉันเลอะ ตัวก็เหม็น”
รสสุคนธ์เข้ามา นุ่งกางเกงขาสั้น ทุกคนยืนอึ้ง
“ฉันเอาไปให้เองก็ได้...”
“นังรส...ไม่ต้อง...”
“น้าหวานบอกว่าให้ฉันมาช่วยงาน พอฉันจะช่วยน้าหวานก็ไม่ให้ทำ แปลกจัง...”
รสสุคนธ์ไม่ใส่ใจ ยกจานออกไป ทุกคนนิ่งอึ้ง สวาท ยาใจและจิ้มลิ้มได้แต่สบตากัน แต่ไม่มีใครกล้าพูด
หวานหันหลังไปล้างจาน

ชีพกับลั่นทมอยู่ที่โต๊ะอาหาร รสสุคนธ์ถือจานยำเข้ามา
“ขอโทษค่ะ...” รสสุคนธ์วางจานลง “น้าหวานให้เอามาให้คุณผู้ชายค่ะ”
“ขอบใจ...” ชีพทำเป็นไม่ใส่ใจรสสุคนธ์ ก้มหน้าทานอาหารเงียบ
“งานเป็นยังไงบ้าง...หนักมั้ย” ลั่นทมถาม
“ไม่ค่ะ รสทำได้...ขอบคุณค่ะ...”
รสสุคนธ์เดินไป
“ดูซิ ทำงานมาเหนื่อย ๆยังต้องมาช่วยงานในครัวอีก...”
“ทมชอบเด็กขยันไม่ใช่เหรอ...”
ลั่นทมยิ้ม “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนหรอกค่ะชีพ”

ในห้องนอนลั่นทม ชีพเดินมากอดลั่นทมซึ่งนั่งอยู่ที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง กอดแล้วหอมแก้ม
“อย่าค่ะชีพ...”
ชีพถอนใจเบาๆ
“ผมไม่กวนหรอก ผมตามใจคุณเสมอ...”
ลั่นทมหันมา “อย่าโกรธทมนะคะ...ถ้าทมอึดอัด ทมจะหายใจไม่ออก ทมกลัวค่ะชีพ...”
ชีพลูบผมลั่นทมปลอบใจ “ว่างๆ เราน่าจะได้ไปเที่ยวพักผ่อนกันบ้างนะ...”
ลั่นทมยิ้ม “ให้ทมแข็งแรงกว่านี้นะคะ...”
“จ้ะ...” ชีพจุมพิตที่เรือนผมของลั่นทม

รสสุคนธ์เดินสำรวจดูโน่นนี่ในบ้าน ฝันๆ อยากรวยอยากเป็นเจ้าของ บรรยากาศเริ่มน่ากลัว รสสุคนธ์ยืนอยู่
กลางห้อง เสียงนาฬิกาตีดังกังวาน รสสุคนธ์สะดุ้งสุดตัว สีหน้าหวาดๆ พลันหน้าต่างปิดดังปัง รสสุคนธ์สะดุ้งจะร้องออกมา แต่ยังไม่ทันร้อง ประตูก็เปิดเองอย่างช้าๆ เสียงดังเอี๊ยด แล้วก็ถูกลมตีปิดเองดังปัง รสสุคนธ์ตกใจ ถอยหลัง เซ ร่างปะทะกับแผ่นอกของชีพที่ยืนอยู่แล้ว ชีพรวบตัวรสสุคนธ์อย่างรวดเร็ว รสสุคนธ์จะร้อง แต่ชีพปิดปากรสสุคนธ์ กระซิบข้างหูแบบยั่วๆ
“บ้านนี้ผีดุ ไม่ควรออกมาเพ่นพ่านเวลากลางคืนนะ”
รสสุคนธ์เหลือบมองชีพ ทั้งสองสบตากัน ชีพเอามือออกจากปากรสสุคนธ์ กระซิบทำเสียงตื่นเต้น
“บางคืนก็มีเสียงคนร้องโหยหวน บางทีหน้าต่างประตูก็ปิดเอง...ไม่กลัวหรือจ๊ะสาวน้อย....”
รสสุคนธ์สบตาแล้วยิ้มยั่วนิดๆ “มีคุณชีพอยู่ข้างๆ แบบนี้แล้วรสไม่กลัวหรอกค่ะ”
“นอนไม่หลับแปลกที่หรือไง”
รสสุคนธ์ยิ้ม ไม่ตอบ ชีพจะหอมแก้ม แต่รสสุคนธ์เบี่ยงตัวหนี
“ไม่เอาแล้ว รสไปนอนดีกว่า”
รสสุคนธ์เดินหนีไปยิ้มยั่ว อ่อย ชีพมองตามยิ้มๆ รู้สึกเสียดาย แต่ก็มีความหวัง

วันรุ่งขึ้นอุษากับธารินทร์ไปหาหมอผันที่บ้าน
“ผมรู้สึกว่าคุณนายลั่นทมกำลังมีเคราะห์”
“จริงหรือคะ...”
“กรรมเก่าแต่อดีตชาติกำลังตามติดมา ไม่ยอมให้อภัย”
“ษาไม่เชื่อ ตั้งแต่ษาจำความได้ คุณน้าไม่เคยทำร้ายใคร แม้แต่ยุงสักตัวก็ยังไม่เคยตบ คุณน้าทำแต่ความดี
“เรื่องแบบนี้มันตอบกันยาก...เราไม่รู้หรอกว่าคุณนายทำกรรมไว้แต่ชาติไหน...บอกให้คุณนายสวดมนต์ไหว้พระมากๆ นะครับ...”
ธารินทร์ไม่อยากให้พ่อพูดต่อ
“พ่อพูดไป ษาจะยิ่งไม่สบายใจ...”
“พ่อก็แค่เตือนให้หนูอุษาไปบอกคุณนายเท่านั้นแหละ..ถ้าหากว่าคุณนายอยากให้ฉันไปพบอย่างที่เคยพูดไว้ ก็บอกได้นะ ยินดีไป”
อุษายกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะคุณหมอ...”
ต้อยติ่งกลับมาจากโรงเรียน ยกมือไหว้ทั้งสองคน แล้วนั่งตักธารินทร์
“พี่รินทร์ว่าต้อยติ่งไปอาบน้ำก่อนดีมั้ย กลับมาเหนื่อยๆ”
“กว่าต้อยติ่งจะอาบน้ำเสร็จ พี่อุษากับพี่รินทร์ก็กลับไปแล้ว...”
“ไว้คุณหมอไปที่บ้านวันไหน พาต้อยติ่งไปด้วยนะคะ คุณน้าไม่มีลูก คุณน้ารักเด็กค่ะ...บ้านพี่อุษามีขนมเยอะด้วยนะ...”
“ค่ะ ถ้าไปต้องบอกต้อยติ่งนะ ถ้าไม่บอกล่ะก็ โป้งเลย..”
“จ้า...”

อุษาเข้ามานั่งในรถ ธารินทร์เห็นหน้าอุษาก็รู้ว่ากังวล
“พ่อผมอาจจะพูดเรื่อยเปื่อยไปนะษา อย่าคิดมากไปเลย คุณน้าลั่นทมคงไม่ได้เป็นอย่างที่พ่อผมพูดหรอก...”
“ษาเชื่อค่ะ อาการโรคประหลาดของคุณน้าหายไปตั้งนานแล้ว ทำไมถึงกลับมาเป็นอีก...”
ธารินทร์แตะมืออุษาปลอบใจ แล้วสตาร์ทรถขับออกไป
เช้าวันใหม่ที่หน้าบ้านลั่นทม รสสุคนธ์ แต่งชุดสาวโรงงานเดินออกมาที่หน้าบ้าน หวานเดินกำกับอยู่
“ฉันรู้แล้วน่าน้าหวาน...ไม่ต้องตามไปหรอก...”

อ่านละครเรื่อง สุสานคนเป็น ตอนที่ 1/6 วันที่ 15 เม.ย. 57

ละครเรื่อง สุสานคนเป็นบท ประพันธ์โดย ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น บทโทรทัศน์โดย ภาคย์รพี
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นกำกับการแสดงโดย อนุวัฒน์ ถนอมรอด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็น ละครแนว ดราม่า รี้ลับ อาถรรพ์ ตื่นเต้น
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นผลิตโดย บริษัท กันตนา มูฟวี่ ทาวน์ (2002) จำกัด
ละครเรื่อง สุสานคนเป็นออกอากาศ ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ เร็วๆ นี้